แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - บัวผ่อง

หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ... 20
51
ปอลิง 2

ส่วนลิ้งค์อันนี้ ก็ แถม จร้าาาาาาาาาาาา เคยเขียนไว้ อ่ะ อิอิ  :12:

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2009/03/W7579692/W7579692.html



52
ปอลิง 1

2 คลิปนี้ เพลงโปรด ของป้าหอบมา แถมมมมม จร้าาาาา
เพราะฟังแร้วมันเข้ากับบรรยากาศ วันแม่แห่งซาดดี อิอิ


https://m.youtube.com/watch?v=kWRdVzqPvcs

 
กาสะลองของแม่

53



อืม...เนื่องในโอกาสที่ เมื่อตะวาน เป็น วันแม่แห่งชาติ
เม้าส์มอยถึง แม่ตัวเอง (คุณนายแก้วดี)
เป็น ควันหลงวันแม่ ( อีกสักครั้ง ) ดีกว่า แฮะ  อิอิ


อืม...ในสายตาของ ป้าผ่อง
แม่ป้ามองแร้ว น่าเอ็นดู เหมือน สัตว์ จำพวก กิ้งกือไส้เดือน เลยอ่ะ
อืม....เคยเห็น ไส้เดือนตัวแดง ๆ ใส ๆ
ที่มันคลานกระดึ๊บ...กระดึ๊บ... อยู่บนพื้นถนน ป่ะ


เนี่ย เวลาที่ ป้าไป ช่วยเก็บไส้เดือนพวกนั้น
เพื่อ ไม่ให้มันโดนรถทับ หรือ โดนแดดเผาตาย
ป้ารู้สึกว่า ไส้เดือนพวกนั้น มันช่างบอบบาง
และ ดูไม่มีพิษมีภัยกับใคร จริง ๆ เลยแฮะ
ที่สำคัญ  มันช่างปราศจากเขี้ยวเล็บในการสู้รบตบมือ
กับเหล่า ผู้ล่า ใน ห่วงโซ่อาหาร ซะเหลือเกิน


เฮ้ออออ เจ้าไส้เดือน ผู้อ่อนโยน ไม่เคยทำร้ายใคร
ที่ มักจะโดน ผู้ล่าสารพัดรังแกรังคัด เสมอ
เจ้าไส้เดือน  ที่ ไม่เคยปริปากบ่น
และไม่เคยไปสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้ใคร
แม้ว่าใคร ๆ จะพากัน มาสร้างความเดือดร้อนให้มัน ก็ตาม


วัน ๆ หนึ่ง เจ้าไส้เดือน มันใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เที่ยวเสาะแสวงหาอาหาร ประทังชีวิต
ด้วยการกัดกินเศษซากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว โดยไม่เบียดเบียนใคร
และ ยังประโยชน์กลับคืนสู่โลก ด้วยการถ่ายมูล บำรุงดิน
เฮ้ออ จะว่า ไป ไส้เดือนพวกนั้น ดูจะมีชีวิตที่หมดจดและงดงาม
มากกว่า มนุษย์ขี้เหม็น อย่าง ป้าซะอีกว่ะ 
ช่างน่าอับอายขายหน้า เสียนี่กระไร


อิอิ แพล่ม ซะ อย่างกับเป็น สารคดี ชีวิตสัตว์โลก
ใน เนชั่นนอล จีโอกราฟฟิค เรยวุ๊ย ตรู
ป้าก็แค่อยากจะ บอกว่า แม่ของป้า ก็มีวิถีชีวิต
คล้าย ๆ กับ เจ้าไส้เดือนพวกนี้นั่นแหล่ะ
บอบบาง และ ไร้พิษสง ....
( ตรงข้ามกับ ลูกสาวบังเกิดเกล้าของอี ลิบลับ เรยว่ะ )
เฮ้อออ ถ้า แม่ป้า เป็น ไส้เดือนผู้ไม่มีเขี้ยวเล็บ
ป้าผ่อง ก็ต้องเป็น เสือสิงห์กระทิงแรด ที่เขี้ยวยาวลากดิน  มั้ง อิอิ


อืม....สำหรับ ป้าบัวฯ
ความประทับใจ ในตัวคุณนายแก้วดี อีกอย่าง
คือ คุณนายเธอว์ ปล่อยวาง
ในเรื่อง ของ โทสะ ได้เก่ง โคตร ๆ เรยอ่ะ
ป้า ไม่ค่อยจะเห็น แม่ป้า โกรธ ใคร เล๊ยยยย
แม้ว่า คุณเธอจะเป็นฝ่าย ถูกเอารัดเอาเปรียบ
หรือ ถูกกระทำย่ำยีข่มขืนทางจิตใจ ต่าง ๆ นานา ก็ตาม
( ถึงได้บอกไง ว่า อิคุณนาย มันเหมือน ไส้เดือน )


ป้าเสียอีก ที่ บางครั้ง เห็นแม่ถูกกระทำ
แล้ว เกิดอาการอาการ ของขึ้น ปรี๊ดแตก แทนแม่ ซะงั้น
ครั้นพอ ไอ้เรา เริ่ม วีน โวยวาย ร้องหา ฟามยุติธรรม ให้แม่
คุณแม่ที่เคารพ ดั๊น บอกเสียงเนิบ ๆ ห้ามไว้อี๊ก
ประมาณว่า

" ช่างเขาเถอะลูก เค้าก็เป็น ของเค้าอย่างนั้นเอง "


จำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้ ฟัง
ป้าก็นึกดูแคลน แม่ตัวเองในใจ นะ
ประมาณว่า


เฮ้ยยย ไรว้าาาาาาาา
ทำงี้มันก็เป็นได้แค่ อิพวกขี้ขลาด
ที่หดหัวอยู่ในกระดองแบ่บ ลูกเต่า อ่ะดิ
ขืน ยอมคนอื่น ไปซะทุกอย่าง งี้
เด๋วพวกนั้นมันก็ได้ใจ แร้วยกโขยงมาโขกมาสับ อีกหร็อก
หูยยยย ยัยแก้วดี ไม่เจ๋ง เรยว่ะ ฯลฯ


น่าขำนะ พอ ป้า ก้าวเข้าสู่วงการ ปฏิบัติธรรม
ป้ากลับ มอง สิ่งที่แม่เคยทำ
ด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง จากเดิมแฮะ
ป้าทึ่ง ในสิ่งที่ แม่ตัวเอง ทำอ่ะ
ป้ารู้สึกว่า แม่ป้า เจ๋ง ว่ะ  เฮ้ย แม่ทำได้ไง วะ ?
ทำไม สามารถ ทำใจ ยอมรับ
ความแตกต่างระหว่าง บุคคล ได้เก่งจัง


คำพูด ของแม่ ที่ปลอบใจตัวแม่และ ตัวป้า  ที่ว่า

" ช่างเขาเถอะลูก เค้าก็เป็น ของเค้า อย่างนั้นเอง "


มันคือ บทสรุปที่เข้าถึงแก่นแท้
ของ คำว่า ตถตา ได้ เป๊ะ ๆ เรยแฮะ
อะโหย ตรู ปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน4 มาแทบตาย
ยัง ทำไม่ได้ เท่าขี้เล็บ ของ สิ่งที่แม่ เป็น เรยว่ะ
(ชักอิจฉา แม่ตัวเอง ซะแระ อิอิ )



ไม่รู้สินะ มีความรู้สึกว่า

แม่ป้าปฏิบัติธรรมจนเป็นปกติ ( ในชีวิตประจำวัน )
แม่มองเห็น ธรรม(ดา)ของโลก
แม่มองเห็น ธรรม ( ชาติ ) ของคน
แม่จึงไม่ค่อยโกรธเคืองใคร
แม่รู้จักปล่อยวาง แม่ไม่ค่อยยึดติด
ดวงจิตของแม่จึงแจ่มใส เสมอ
เพราะ ขันธสันดาน และ ขันธจริต ของแม่
มีคุณภาพสูง มาแต่กำเนิดน่ะ


น่าเสียดาย ที่ แม่ขาดภูมิรู้ ไปหน่อย
และ ต้องมาวุ่นวายกับเรื่อง โลก ๆ หลายอย่าง
( ทั้งเรื่อง หลาน เรื่องลูกชาย ลูกสะใภ้ )
แม่เลยขาดโอกาสในการปฏิบัติธรรม


มันเป็นความทุกข์ของผู้ที่ ไม่สามารถเจริญพรหมวิหาร ได้ครบทั้งสี่เสา
ทุกข์แบบคน ที่มี เมตตา กรุณา และ มุทิตา อันเปี่ยมล้น
แต่ยัง สับสน กับ คำว่า อุเบกขา อยู่
เนี่ย ถ้าแม่เกิดมาเป็น คนสวยใจดำแบ่บป้าผ่อง
ป่านนี้ แม่คงจะทุกข์น้อยกว่านี้ ว่ะ เหอ...เหอ...


แต่ถึงงั้น ป้าก็ภูมิใจในตัว คุณนายแก้วดี แม่ของป้า มากมายนะเธอว์
เพราะ คุณนายแก้วดี เป็น คุณนายแก้วดี งี้ไง
ถึงได้เป็น ผู้หญิงที่ป้า อยาก กอด ตลอดชีวิต

และแม้ คุณนายดี จะไม่ใช่ แม่ ที่ดีที่สุด
แต่ก็เป็น แม่ ที่ รักยัยนู๋บี  มากที่สุด ว่ะ



54
ยูไทโฟร VS โสเครติส
( อะไรบริสุทธิ์ ? อะไรไม่บริสุทธิ์ ? )




อืม...วันนี้ขึ้นเวรอีกแระ

ตะกี้นึกครึ้ม  อ่าน เดอะลิง ที่ แปะไว้ ในบล็อกนี้

https://sites.google.com/site/chnnikant411/home/khwam-yutithrrm


ผู้เขียน  พูดถึง เรื่องของนักปราชญ์คนหนึ่งของกรีกชื่อ ยูไทโฟร ไปที่ศาล เพื่อ ฟ้องบิดาของตนในฐานะที่ฆ่าคนใช้ในบ้านตาย

ซึ่งเมื่อไปถึงศาล เขาเจอกับ โสเครติส ผู้ที่ถูกฟ้องให้ต้องโทษ
ด้วย ข้อหาว่าทำเด็กหนุ่มให้เสีย ด้วยคำสอนที่ล้ำหน้าเกินไป

เมื่อได้พบกัน ทั้ง 2 ได้คุยกันเรื่องความยุติธรรม  สุทธิธรรม อสุทธิธรรม อะไรบริสุทธิ์ อะไรไม่บริสุทธิ์ ....


อนึ่ง คนเขียนก็ไม่ได้บอกว่า บทสรุปของ การสนทนา นั้น เป็นเช่นไร
แต่ทิ้งท้ายให้ ลองเก็บเอาเรื่องนี้ไปคิดดู


แต่การ ทิ้งท้ายดังกล่าว  ดันไปกระตุ้นต่อมเผือก ของ อิการ์ฟิลด์ มากมาย
จึงเกิด อาการคัน อยากรู้อยากเห็น ขึ้นมาตะหงิด ๆ
ว่า บทสรุปของการ สนทนา นั้นเป็นเช่นไร ?

อิเจ้าการฟิลด์ มันเก๊าะเลย วิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก อากู๋ กูเกิ้ล

จนได้เจอ เดอะลิง อันเนี๊ยะ

http://www.baanjomyut.com/library_2/justice/index.html

และได้รับรู้ ถึง บทจุดจบ อันเป็น บทสรุปของการสนทนาครั้งนั้น ว่า

อ้างถึง

เมื่อยูไทโฟรตอบว่าศาสนธรรมคือความกตัญญูรู้คุณ แต่ความกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งที่มีประโยชน์หรือมีคุณค่าสำหรับเทพเจ้า (เป็นสิ่งซึ่งเป็นที่รักของเทพเจ้า) เพราะความกตัญญูเป็นประโยชน์ที่เทพเจ้าจะได้รับจากการที่เราให้ของกำนัลแก่เทพเจ้า แต่บทสนทนาตอนต้นของยูไธโฟรกับโสเครตีสได้ข้อสรุปว่าศาสนธรรมไม่ใช่สิ่งซึ่งเป็นที่รักของเทพเจ้า [ศาสนธรรมกับสิ่งซึ่งเป็นที่รักของเทพเจ้าไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เพราะสิ่งหนึ่ง (สิ่งซึ่งเป็นที่รักของเทพเจ้า) เป็นที่รักได้โดยเหตุแห่งความจริงที่ว่าสิ่งนั้นถูกรัก แต่อีกสิ่งหนึ่ง (ศาสนธรรม) ถูกรักก็เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่น่าที่จะรักโดยตัวของมันเอง]

กลายเป็นสิ่งที่ยูไทโฟรพูดวนกลับที่เดิม และหักล้างกันเอง
เมื่อโสเครตีสอยากให้เริ่มต้นให้ความหมายศาสนธรรมใหม่
ยูไทโฟรก็ปฏิเสธบอกว่าตอนนี้ไม่ว่าง กำลังรีบ

 
สุดท้ายโสเครตีสจึงไม่ได้รับคำตอบจากยูไทโฟรเลยว่า

ศาสนธรรมคืออะไร?



เฮ้อ ! แปลกเน๊าะ ? อ่านเรื่องนี้ แล้ว ก็ให้ อมยิ้ม 
และ นึกขบขัน ขึ้นมา ตะหงิด ๆ ยังไงก็มิรู้
หรือ อาจเป็นเพราะ ว่า เรื่องราวเหล่านี้....
มันทำให้ อิฉันหวนระลึก นึกถึง การสนทนา ของตน กับ ผู้คนบนโลกไซเบอร์ ก็ได้มั้ง


อืม....ไม่แน่น้าาาาาาาาาาา
บางที ที่ผู้คนในโลกเสมือนจริง ทั้งหลาย
ชอบ พูดวนกลับที่เดิม และหักล้างกันเอง
อาจเป็นเพราะ กำลังรีบ เช่นเดียวกับ ยูไทโฟร ก็ได้ว่ะ

และที่สำคัญ การสำแดงความเห็นอะไร โดยไม่ระวังปาก
บางทีอาจจะโดน ฟ้องจนต้องเดือดร้อนไปขึ้นโรงขึ้นศาล ด้วย ข้อหา...

"ทำเด็กหนุ่มให้เสีย ด้วยคำสอนที่ล้ำหน้าเกินไป" ก็ได้ อ่ะ

นี่โชคดีนะ ที่เกิดมา ในยุคศตวรรษที่ 20
เลยแค่โดนต้องโทษ ให้รับประทานใบแบรนด์
แต่ ถ้าไปเกิด ในยุคก่อนคริสตกาล แบบโสเครติส
มีหวัง โดนเอายาพิษกรอกปาก แหง๋ ๆ เยยยยยยยยยย

ไงก็จง สำเหนียกไว้บ้างนะ เจ้าการฟิลด์ เอ๋ย...






55
เอ้า อันนี้ แถม เคยถกกับชาวบ้านที่ พันติ๊ปไว้ อิอิ





อ้างถึง


ความคิดเห็นที่ 19-1

canto_z ว่า

ธัมมาก็ธัมมาเอ้า

สัมมัปปธาน 4 สำหรับผม มันเป็นกระบวนการรีเช็คตัวเอง ให้ alert คอยระวังเรื่อยๆ
ถ้าแค่ศีล 5 ไม่ต้องใช้สัมมัปปธานก็ได้ เพราะไอ้ศีลข้อที่มันขาดก็ยังไม่ได้แก้ให้หายขาด
ไอ้ที่ไม่ขาด มันก็ไม่ขาดจนเป็นธรรมชาติในตัวอยู่แล้ว เลยไม่ได้ใช้




นู๋บี ตอบ

อืม...ถึงจะเป็น อิพวก มืดมา แต่ พยามจะตะเกียกตะกาย ให้ สว่างไป
เหมือน  ๆ กับไอ้โซ๊ยตี๋โฮฮับ อดีตกิ๊กนอกกฏหมาย ของอิฉัน
แต่ ขอบอกว่า AQ (Adversity Quotient) ของคุณโหล่ยโท่ย มากกว่า ไอ้โซ๊ยตี๋ แยะเลยว่ะ


ถามจริง ไอ้ที่ แบกศีล 5 เอาไว้บนหัวมา หลายปีนั้นน่ะ
เคยเกิดอาการ ศีลกระตุก หรือ รู้สึก ไม่ดี เวลาที่ต้องก้าวล่วงศีล 5 บ้างหรือไม่ ?
แล้ว ไอ้ ศีลข้อที่ ขาดแล้วขาดอีก อาทิเช่น ไอ้เรื่องโปรแกรมเถื่อน นั้นน่ะ
เคย ยอมเปิดใจค้นหารากเหง้าของการกระทำ ดูบ้าง หรือไม่ ว่ามันเกิด เพราะ อะไร ?
จะบอกให้นะ ที่ ภูมิศีลภูมธรรมของ อิฉัน มันสูงกว่าคุณ จนเทียบไม่ติด น่ะ
ก็เพราะว่า อิฉัน ใช้ สัมมัปทาน 4 มาช่วย เป็น ออปชั่นเสริม ในการ รักษาศีล ว่ะ เอิ๊ก ๆ

เอ้า เอามาฝากว่ะ 555






อ้างคุณนายเน่า
----------------------------------
อย่างคุณนายเน่า ดูทุกขเวทนาไม่ไหว อิอิ
แต่พอมีประสบการณ์เรืองเรื่องดูสุขเวทนา
ถ้าลืมตัวขาดสติลืมดูใจตัวเองนะมันก็อินไปเวทนาสุข
แต่ถ้ามีสติทันได้เห็นเวทนาสุขเห็นชอบใจได้ทันมันกลับ
หลังหันเลยนะ เวทนาอารมณ์มันหดหายไปเลยแล้วใจมัน
จะนิ่งๆไม่ฟูไม่ลอย มันเป็นความสุขอีกแบบไม่เหมือน
อร่อยในเวทนา แต่มันเป็นสบายๆชิลด์ๆแทนมันบอกไม่ถูก
แต่ชอบตกม้าตายดูชอตสบายไม่ทันมันเลยไม่รู้ต่อเนื่อง
ชม.บินยังไม่ได้ที่ อ่อนซ้อม ไปหน่อย อิอิ ไม่รู้ว่าถูกรึเป่านะ
ก็รู้มาแค่นี้ อธิบายถูกไหมก็ไม่รู้ เข้าใจถูไหมก็ไม่รู้อีก
แค่ทำตามสัญชาติญาณ ง่ะ
-------------------------------


นู๋บี ตอบ

อันนี้คล้าย ๆ กัน เพียงแต่เด๋วนี้
อิฉัน ดูสภาวะของจิตโดยดูจาก
ความไม่สมดุลย์ของสภาวะจิตมากกว่านะ
ดูทั้งสุข และทุกข์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ฯลฯ
ประมาณ เด็กอยากลู้อยากเห็นง่ะ
มีไร มาให้ดู ตูดูโม๊ดดดดดด
ส่วนใหญ่จะใช้สัญชาติญาณ ( ความรู้สึก ) ที่เกิด
มาตัดสิน ทุก ๆ กรรมที่ทำ ลงไปอ่ะ


ถ้าเริ่มเห็น อัตตา โผล่หางมาแว๊บ ๆ
แล้วลู้สึกว่า ดุลยภาพของจิตมันแกว่งเมื่อไร
เจ้หิฯ ผจก.ส่วนตัวจะเริ่มมาสะกิด แระอ่า
ตามด้วยคำเทศนาอีก 1 กัณฐ์ งิงิ



ปกติ ไม่ได้ เบิ่งจิตเฉย ๆ ง่ะ
เด๋วนี้ จะ ทวนจิตด้วย
หมายถึง เอา สารพัดกรรมทั้ง 3 ของตัวเอง
( กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม )
มาทบทวนเพื่อหารากเหง้าแห่งการกระทำ
พร้อมกับพยามละลาย พฤติกรรม
เพื่อ ปรับเปลี่ยน อนุสัย ง่ะ


ทำมาได้หลายปีแระ
ลู้สึกว่า มีการพัฒนา
คุณภาพจิตแยะเหมือนกันนะ
ตอนนี้ เริ่มเน้น ไปที่ จิตนุปัสนา
และ ธรรมมานุปัสนา แระ
แต่ ยังเตาะแตะอยู่

ส่วนใหญ่ ฝึกตอนที่ทวนจิตทวนศีลอ่ะ
ระลึกเอาสังขารขันธ์ เก่า ๆ ในอดีต
ที่เคยเกิดก๊ะเรามาพิณา การเกิดดับของสภาวะจิต
และ พยามสังเกต ความเป็น ตถตาของมัน

ยังคิดเป็น ไดอะล็อค เอาไว้สอนตะวเอง
ตอนทวนจิตเล๊ย ประมาณ ว่า



"สภาวะจิต มันก็เป็นงี้แหละ
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป


เปลี่ยนแปลงได้ และไม่เที่ยง
มันก็เป็นเช่นนั้นเอง
และในเมื่อ มันไม่เที่ยง เยี่ยงนี้
ควรหรือ ที่ จะยึดถือไว้เป็นอารมณ์ "



ซึ่งพอทำต่อเนื่องเป็น อาจิณกรรมบ่อย ๆ
จิตมันก็เริ่มซึมซับ วงจรของ สภาวะจิตมั้ง
เวลาจิตมันเสวยอรมณ์ต่าง ๆ
เรยมักจะยั้ง ๆ ไว้ ไม่สวาปามจนเต็มตีน แหะ ๆ
แต่ ก็ทำได้มั่ง ไม่ได้มั่งแหล่ะ ตามอัตภาพ
ในส่วนของการเจริญสติ เกิด ธรรมานุปัสนา
ในชีวิตประจำวันเนี่ย ณ ปัจจุบันขณะ เนี่ย
นาน ๆ จะ เกิดสักครั้งนะ เท่าที่เจอ ไม่ถึง สิบครั้งหรอก


ปอลิง

อืม...ถ้าคุณนายเน่า มี ยัยแม่มด ก๊ะนางซิน เป็นคู่ปรับกัน
นู๋บีก็มี คิตตี้ ก๊ะ การ์ฟิล เป็นปืนเกลียวกันเหมือนกันน่ะ งิงิ



โดย: คุณป้าบัวแพล่มมมมมมมมมมม IP: 222.123.174.225 วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:03:42 น.     


เออ เจ้ เวลา ถือศีล นาน ๆ
เจ้ มีอาการ แบบ อิฉัน ป่ะ
ไม่ลู้เป็นไง เด๋วนี้ นังผจก.ส่วนตัว (คุณนายหิฯ )
มันชักจะเสียมารยาทใหญ่แร้ว เจ้
ริอ่านมาขุดคุ้ยฟามระย้ำ ในอดีตของนู๋บี มาตีแผ่
แร้วมาบังคับกะเกณฑ์ ให้ เราไปตามล้างตามเช็ด
ไปสะสางหนี้กรรมในอดีตกาลอีกด้วย


ช่วงนี้มันก็สังคยานา ศีล ข้อ 2 ใหญ่เรย
บังคับให้ใช้คืนเจ้าหนี้ ทั้งต้นทั้งดอก
ยิบ ๆ ย่อย ๆ ซะจน ข้อยละเบื่อ


อาทิเช่น

ให้แม่ยืมเสื้อผ้าใส่ ตอนแม่มาเยี่ยมที่บ้าน
แล้วมักง่ายเอาเสื้อผ้าที่แม่ใส่โยนลงตะกร้าส่งซัก
เพราะขี้เกียจซักเอง เจ้หิก็ไม่ยอมผ่อนปรน
บอกว่า นู๋บีต้องอาบัติปราชิก ผิดศีลข้อ 2
เนื่องจาก ตอนตกลงกับคนซักผ้าตกลงว่า
ให้ซักเฉพาะเสื้อผ้าที่เราใส่ ถึงจะเลือกโปรโมชั่น
จ่ายค่าซักแบบไม่จำกัดจำนวนชิ้นก็เหอะ
จะไปเอาเสื้อที่เธอว์ให้แม่ยืมใส่ มาปนไม่ได้นะเออ


นี่ก็เรย ต้อง เขียน จม.น้อย สารภาพบาป
พร้อม แนบ เงินชดใช้ + ดอกเบี้ย เพิ่มให้เขา
แบบขาดทุนป่นปี้ เฮ้อออ เอาไปปน แค่ไม่กี่ชิ้น ไม่กี่ครั้งเอง
ต้องจ่ายเพิ่มให้เขา เกินครึ่ง ของค่าจ้างซักผ้าต่อเดือนอีก
แถมยัง เขียนบอก ในโน้ตน้อยสัญญาก๊ะคนซักผ้าอีก
ว่า ต่อ ไปจะพยามระวัง ไม่เอา เสื้อผ้าพวกนี้ไปส่งซักแระ
ช่วยรับเงินนนี้ด้วย อิฉันจะได้ถือศีลปฏิบัติธรรม อย่างสบายใจ


ตลกดี ไม่ลู้ว่า พี่คนซักผ้า อ่านแร้วจะทะแม้ง ๆ ไหม
เฮ้อออ พี่แกจะว่า ตูบ้า ไหมเนี่ย
เสียเงินเนี่ยไม่เท่าไรนะ แต่มันเสียหน้า เสียลุคส์ ง่ะ
กว่าจะรวบรวมกำลังใจ ปลอบเจ้าอัตตาในตัว
แล้วลุกขึ้นมาทำทำเรื่องนี้ได้นี่ก็ทำใจหลายวันเหมือนกันนะ


นี่ นังคุณนายหิ ฯ มัน ไม่ได้ พอแค่นี้นะเจ้
ช่วงนี้ มันเริ่ม สะกิดอีกแระ ว่า
นี่ ๆ ยัยนู๋บี จำเรื่องที่เธอว์ เป็นคนดูต้นทาง
ให้พี่ ๆ ข้างบ้านไปขโมยปากกาที่ โรงเรียนได้ป่ะ
ว่าง ๆ อย่าลืมตามไปบริจาคเงินคืนโรงเรียน
เพื่อเป็นการชดใช้ด้วยนะยะ


อ้อ แร้วก็เรื่องที่เธอว์ทำอุปกรณ์ทำแลปแตก สมัยอยู่มหาลัยด้วย
ไอ้ที่เธอว์บริจาคชดใช้คราวก่อนเนี่ย เธอว์จำราคาผิดนะจ๊ะ
มันมากกว่านั้น แร้วไอ้ที่เธอว์ บริจาคเนี่ย
มันยังไม่ถึง 2 เท่า ของราคามันเรย
กรุณาหาโอกาสไปบริจาคเพิ่มด้วย
จำไว้นะ หนี้กรรมต่าง ๆ มันต้องมีดอกเบี้ย
เคยติดค้างใครไว้ เวลาจะใช้คืน
ต้องให้เขา อย่างน้อย สองเท่า ขึ้นไปนะยะ ฯลฯ




เฮ้ออออ ซวยเจง ๆ มะลู้จะกระเป๋าฉีก ไหมเนี่ยตู
อุส่าห์ ฝังกลับซะมิดจนลืมไปแระ
ยังทะลึ่งขุดคุ้ยมาให้รับลู้อี๊กพอลู้แร้ว
จะแกล้งทำไม่ลู้ไม่ชี้ ก็กระไรอยู่
ผิดกฏมณเฑียรบาลนักปฏิบัติอีกแระ ทำมิได้
ไม่งั้นมันค้าง ๆ คา ๆ อยู่ในหัว
ไม่สงบสุข ไม่มีสมาธิ ในการปฏิบัติ ง่ะ
มันจะตามผุดขึ้นมาง้องแง้งเป็นระยะ


ก็ไม่ลู้ต้องตามล้างตามเช็ด
หนี้เวรหนี้กรรมอีกจนถึงเมื่อไรนะ
แต่ก็ดีเหมือนกัน นะ
จะได้ไม่คาราคาซังข้ามภพข้ามชาติ


จะได้ อยู่สบาย ตายสงบ
จากไปไม่ติดค้างใคร
แบบ ไอ้หลานแง่บมันมั่ง เอิ๊ก ๆ

.
   
       

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม (แต่ประสงค์ จะเป็นลูกไป๊ ป๋าโจ อะจึ๋ย ๆ) IP: 117.47.91.145 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:21:13:47 น.



เออ จิงดิ วันก่อนนึกครึ้ม อะไรก็ไม่รู้
ไปอ่านเจอ ข้อความที่ อิตา asoka โพสไว้
ในลานธรรมจก เรื่อง สัมมัปทาน ๔ น่ะ

---------------------------------------------------
สัมมัปทาน ๔
๑.ปหานปธาน บาปอกุศลเก่าๆที่เคยทำ เพียรละ
๒.สังวรปธาน บาปอกุศลใหม่ๆที่ยังไม่เกิด เพียรระวัง ไม่ให้เกิด
๓.อนุรักขนาปธาน กุศลเก่าๆที่เคยทำ เพียรรักษาและทำให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้น
๔.ภาวนาปธาน กุศลใหม่ๆที่ยังไม่เกิด เพียรทำให้เกิด กุศลใหม่ในที่นี้หมายถึง มรรค ๔ มรรคยังไม่เคยเกิดขึ้นในใจเพียรทำให้เกิด

-----------------------------------------------------

น่าขำว่ะ  ใครเลยจะเชื่อมั่งวะ ว่า  คนอย่าง อิตั้วเจ้นู๋บี
ที่ไอ้ตี๋โฮฮับมัน การันตี ว่า เป็น ปูชะนียะวัตถุ ผู้ทรงภูมิ
เพิ่งจะมา รู้จักมักจี่ ว่า  อ้อ สัมมัปทาน ๔  มันเป็นงี้นี่เอง !
แบ่บว่า ก่อนหน้านี้ ได้ยินไอ้โซ๊ยตี๋ เทศนา
ถึงคำว่า สัมมัปทาน ๔  ให้ฟังเหมือนกันน่ะ
แต่ว่า มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แบบผ่านหูผ่านตา เฉย ๆ อ่ะ
ม่ะได้ สนใจคิดจะไปใช้ อากู๋เจาะลึก
หารายละเอียดเพิ่มเติม อะไร
จนมาบังเอิญ อ่านเจอ คราวนี้ แหล่ะ


รู้ป่ะ ความรู้สึกแรก ที่อ่าน เรื่องสัมมัปทาน ๔  นั้น
ชอบคอนเซ็ปต์ ของมันมากมายเรยนะ
ยังแอบชมพระพุทธเจ้าในใจ เล๊ย
ประมาณ ว่า  เออ เฮ้ยพระพุทธเจ้านี่ ก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ
ที่รู้จักคิดเรื่อง สัมมัปทาน ๔  นี้ขึ้นมา
มันช่างเป็นแผนการที่รัดกุม
ใช้ปิดเส้นทางไปนรกได้ทุกดอกส์เรยว่ะ


แถม พออ่านเรื่อง สัมมัปทาน ๔  จนจบ
จิตมันก็เกิดเสียงเอ็ดตะโร ในใจ อีกประมาณว่า
เออ เฮ้ย จะว่าไปแล้ว ไอ้เจ้า สัมมัปทาน ๔  ของพระพุทธเจ้าเนี่ย
มันช่างเหมือนกับ เทคนิก PDCA
ที่ตรูมักจะใช้เป็นแนวทางในการทวนศีลทวนจิต เรยว่ะ ?
ไม่น่าเชื่อเรยว่า จะใจตรงกัน ได้ขนาดนี้
ก็แปลกดี เหมือนกันวุ้ย อิอิ



56
เมื่อ อิตั้วเจ้ นู๋บี  หลอย เทคนิค PDCA มาประยุกต์ใช้กับ สัมมัปปธาน 4 !




อ้าง จากคำถามในกระทู้ ไอ้เจ้า สับสน !

อ้างถึง

..สร้างเหตุ..เพราะเหตุคือบรรได..
   
..หมายถึง มีความเพียร ความเพียรคือบรรไดที่เราต้องใช้ปืนเข้าไปให้ถึงในบ้านเรา..ใครเพียรยังไงมั่งครับ..ระวัง หากจะเป็นความเพียรที่สูญป่าวนะครับ

ที่มา

http://board.palungjit.org/f4/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%94-504264.html






คำตอบของ อิตั้วเจ้นู๋บี

อืม...ชั้นใช้การ "ดูจิต" นำร่อง แล้วตาม ด้วย สัมมัปธาน 4 ว่ะ
ประมาณ เทคนิคการบริหารแบบ PDCA  ( Plan-Do-Check-Act ) ล่ะมั้ง

ก็เอาไว้ใช้ เวลา ทวนศีล ทวนจิต เพื่อปรับ สมดุลใจ นั่นแหล่ะ
ซึ่งเท่าที่ เชค ๆ ดู ดุลยภาพในชีวิต ก็เป็นปกติสุขดี
และเมื่อมีความทุกขังกาละมัง ก็ มีสติ สตางค์
และ มีกำลังใจในการบริหารจัดการความทุกข์
ที่มันบุกรุก เข้ามา สร้างปัญหาชัวิต ให้อิฉัน เสมอนะ
ถึงไม่ได้ นับถือศาสนา ก็มีชีวิตชีวาลั้ลลา ตาม อัตภาพ คร้าาา อิอิ
งี้เรียกว่า เพียร ได้ถูกท่า อ๊ะปล่าววววววววววว ?








57

คืนนี้ ขึ้นเวรบ่าย นั่งเชคเรทติ้ง ที่ บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้า กะลังจะหลอกกินตับ อิอ่อน อยู่ดี ๆ
จู่ ๆ เก๊าะมี จิ้งจกตุ๊กแก มา สาระแน ถามไถ่ อ่ะคร้าาาาาาาาาา ประมาณว่า...


อ้างถึง

ตกลง สัมมัปธาน ที่ นู๋บี ยึดถือมันมีความหมายว่ายังไง
ไปก๊อปเอามาจากเว็ปไหน หรือเห็น เองตามที่พิจารณา วานบอก

เห็นกล่าวถึงบ่อยจัง

คงไม่เข้าหลัก
"The mind sees what it wants to see.."
( ใจเห็นอย่างที่มันต้องการให้เห็น)

หลอกนะ คิดดูก่อน

โดย: แค่รูป IP: 49.48.151.142 วันที่: 27 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:09:49 น.



เก๊าะเลย งัดเอาตัวหนังสือที่เคยแพล่ม ไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้
มา นั่งยาง โชว์ชาวบ้านชาวช่อง เจ้าค่ะ หุหุ 





58
:13: เป็นกำลังใจครับคุณแม่ ^^
สายน้ำย่อมไหลไปตามธารานะครับ ถ้าขวางกั้นก็คงยาก...น่าดู

แท้งกิ๋วจร้าาาาาาาาา พ่อลูกชาย อิอิ  :12:



59
คุณจะตัดสินใจ ทิ้ง ชีวิตไหนให้จมน้ำตาย ? 2

วันหนึ่ง ครอบครัวของคุณ ลงเรือไปเที่ยวทะเล กัน
โดยการไปครั้งนี้นั้น ประกอบด้วย คุณ กับ อีก 15 ชีวิต คือ

1.พ่อแก่ ๆ ขี้โรค ของคุณ
2.แม่ขี้งก ขี้เหนียว
3.น้องชายขี้ประจบ
4.ลูกชายขี้เล่น
5.หลานชาย ขี้แย (อายุ 3 เดือน )
6.ลูกสะใภ้ขี้นินทา
7.เมียแก่เหนียงยาน ขี้บ่น
8.น้องสาวขี้ขอ
9.ลูกสาวขี้หึง
10.ลูกเขยขี้หลี วัยฉกรรน์
11.เด็กรับใช้ขี้ขโมย
12.น้องเมียขี้โม้
13.พี่สะใภ้ใจดำ
14.แม่ยายใจร้าย
15.เพื่อนบ้านใจดี

ตานี้ เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม ต้องเลือกคนขึ้นเรือชูชีพซึ่ง เรือชูชีพนั้น บรรทุกคนได้ แค่ 10 คน

คำถาม

- คุณจะตัดสินใจเลือกใครขึ้นไปนั่งในเรือบ้าง และจะทิ้งใครให้จมน้ำตาย เพราะอะไร ?

- แล้วหลังจากนั้น คุณจะดำเนินการอะไรต่อไปบ้าง ?
และจะจัดการรับมือกับกับสถานะการณ์นี้ ยังไง

- ที่สำคัญ คุณจะ ใช้ ธรรมมะบทไหนมาคอยเตือนสติ
ช่วยกำกับการตัดสินใจในเรื่องความเป็นความตายครั้งนี้ ?



เงื่อนไขเพิ่มเติม



เพิ่มเงื่อนไขว่าด้วยข้อจำกัดของเรือชูชีพ
( อาทิเช่น นน.ตัวของผู้โดยสาร และ ทักษะในการว่ายน้ำ ฯลฯ )
เอาเป็นว่า ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีสุขภาพย่ำแย่มั่ก ๆ
มีความจำเป็นต้องได้นั่งในเรือชูชีพอย่างมากมายทุก ๆ คน
ประมาณว่า ถ้าไม่ได้นั่งบนเรือชูชีพ อาจตายจากโรคกลัวน้ำได้ ฯลฯ

สรุปก็คือ ประเด็นที่ต้องการถามคือ
ภายใต้เงื่อนไขที่มีความจำเป็นบังคับให้คุณต้องเลือก
คุณจะเลือก ให้ใครนั่งบนเรือบ้าง และ จะปล่อยให้ใคร สุ่มเสี่ยงที่จะต้องตายเพราะไม่ได้ขึ้นเรือชูชีพ


ที่มา

http://board.palungjit.org/f2/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2-504608.html





60
หมายเหตุ

เถียงให้รู้เรื่อง (30 มิ.ย.56)


คำถามนี้ เอามาจาก รายการทีวี รายการนี้เจ้าค่ะ


ลองตอบดูซิว่า คุณจะคิดและตอบ
แบบเดียวกับ พวก นักศึกษา ป.โท-ป.เอก พวกนั้นไหม ?




หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ... 20