แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - กระต่ายเกเร๛

หน้า: [1] 2 3 4 5
1
ฮีโร่คนเก่ง เด็กหญิง 9 ขวบ
ทุ่มสุดตัวสร้างบ้าน-ปลูกผักฟรี ให้คนไร้บ้าน


:yoyo083:







สาวน้อยวัย 9 ขวบ ลงมือสร้างบ้านให้คนโฮมเลส ด้วยเหตุผลง่าย ๆ  'หนูคิดว่าทุกคนควรมีบ้านอยู่ค่ะ' แถมทำสวนปลูกผักเอง ไว้แจกจ่ายให้คนไร้บ้านฟรี ๆ มาเป็นปีแล้ว

           ภาพเด็กหญิงใส่แว่นกำลังขะมักเขม้นกับการเกลี่ยซีเมนต์ ยิงตะปู และปลูกผัก ดูแล้วนึกว่าเธอคงกำลังช่วยงานคุณพ่อคุณแม่อยู่แน่ ๆ แต่ที่จริงแล้วทุกสิ่งทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่เด็กหญิง ไฮลีย์ ฟอร์ด จากเมืองบรีเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน สหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มทำเองทุกอย่าง หลังจากเธอได้พบกับชายไร้บ้านคนหนึ่งแล้วเกิดสงสัยขึ้นมาทำไมเขาถึงไม่มีที่อยู่





             รายงานวันที่ 5 มิถุนายน 2558 จากเว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ เผยคำให้สัมภาษณ์ของสาวน้อยไฮลีย์ว่า "หนูว่ามันไม่ถูกนะที่มีคนโฮมเลส หนูว่าทุกคนควรมีบ้านอยู่ค่ะ" ด้านคุณแม่ของไฮไลีย์เผยว่า ลูกสาวเกิดไอเดียนี้ขึ้นมานับตั้งแต่ได้ไปเจอชายไร้บ้านคนหนึ่งที่ชื่อ เอ็ดวาร์ด ตอนนั้นเธอได้ให้แซนด์วิชกับเขาไป แต่หลังจากนั้นไฮลีย์ก็คิดว่าเธอน่าจะมีอาหารให้เขาได้เรื่อย ๆ แล้วลูกสาวก็เริ่มทำสวน Hailey's Harvest ของตัวเองขึ้นมาเพื่อปลูกผัก แล้วจะได้เอาไปแจกจ่ายคนที่ไม่มีบ้านอยู่ "ตอนแรกฉันคิดว่าคงทำสักอาทิตย์เดียวเดี่ยวก็เบื่อไปเอง แต่นี่ผ่านมาเป็นปีแล้ว และเธอก็ยังเอาผักไปส่งให้คนไร้บ้านทุกสัปดาห์อยู่เลย"

          นอกจากปลูกผักเพื่อแจกจ่ายให้คนไร้บ้านฟรี ๆ แล้ว ไฮลีย์ยังริเริ่มโครงการใหญ่กว่านั้นด้วยการทำบ้านหลังเล็ก ๆ ให้กับคนไร้รบ้านด้วย โดยหลังแรกที่เธอสร้างขึ้นมา ตั้งใจจะมอบให้กับ เอ็ดวาร์ด คนไร้บ้านคนแรกที่เธอรู้จัก และตอนนี้มันก็ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทุกทีแล้ว







ในการนี้ไฮลีย์ได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากมูลนิธิ Together Rising ที่มอบเงินสนับสนุนส่วนหนึ่ง พร้อมส่งคนมาช่วยดูแลเรื่องการสร้างบ้าน และที่สำคัญที่สุดก็คือทางมูลนิธิได้ช่วยหาที่ว่างสำหรับนำบ้านหลังเล็ก ๆ เหล่านี้ไปวางไว้ได้ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กหญิงค่อนข้างกังวลมาตลอด โดยมันจะถูกนำไปตั้งอยู่ในย่านเต๊นท์ซิตี้ของเมืองเดียวกันนี้เอง และจะเปิดให้ใช้พื้นที่ได้ภายในปีนี้



ในตอนนี้เมื่อมีที่ว่างสำหรับวางบ้านได้แล้ว สาวน้อยไฮลีย์ก็เลยยิ่งมุ่งมั่นกับการสร้างบ้านมากขึ้นไปอีกสาวน้อยมุ่งมั่นจะสร้างบ้านเพิ่มให้ได้อีก 11 หลัง นอกจากนี้แม่ของเธอยังเปิดเพจชวนระดมทุนช่วยสนับสนุนลูกสาวในเว็บไซต์ [color=#0000]GoFundMe  อีกด้วย[/color]


 

แม้จะอายุแค่ 9 ขวบ แต่สิ่งที่สาวน้อยไฮลีย์ทำนั้นยิ่งใหญ่เกินวัยมากมายจริง ๆ  สมกับที่เจ้าหน้าที่จาก Together Rising กล่าวถึงไฮลีย์อย่างภาคภูมิใจว่า เธอเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ของคำว่า"ไม่มีการกระทำดี ๆ อย่างไหนที่จะเล็กน้อยเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง ๆ"


.
.
.


   :13: ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูล ทั้งหมดจาก :   

kapook.com

ภาพจาก เฟซบุ๊ค Hailey's Harvest มากมายด้วยค่ะ ^^

2
                           
มาดูเด็ก 7 ขวบคนนี้ทำอะไร เมื่อรู้ว่าเพื่อนรักเป็นมะเร็ง!

First Grader Shaves Head For Friend With Cancer





รายการ WTNH News8 ของสถานี Connecticut news เสนอสกู๊ปสองหนุ่มน้อยเพื่อนซี้วัย 7 ขวบ Vincent Butterfield และ Zac Gossage
ทั้งสองกำลังเรียนชั้นประถมปีที่ 1 รัฐมิสซูรี่




และ ทั้งสองเพื่อนรักกัน :19:
 








แซคถูกตรวจพบว่าเป็นลูคิเมีย(มะเร็งเม็ดเลือดขาว) เมื่อเดือนมิถุนายน








"ในฐานะพ่อแม่ ก็ไม่อยากให้ให้มีอไรไม่ดีเกิดกับลูก แต่พอมันเกิดกับลูก เรากลับช่วยอะไรไม่ได้" แม่ของแซคกล่าว






ลูคิเมียคืออะไร?
วินเซนต์ "การที่เม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงไฝว้กัน"






วินเซนต์รู้ว่าการรักษาด้วยเคมีบำบัดของแซค ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่แพงมากกกก

"เราถักผ้าพันคอแบบนี้ แล้ววินเซนต์ก็บอกว่ามันคงจะดีนะถ้าเราถักผ้าพันคอแบบนี้ไปขาย"






วินเซนต์ขายผ้าพันคอได้กว่า 200 ดอลล่า!! (ประมาณ 6,500 บาท)





นักข่าว : หนูขายได้ 200 ดอลล่า เยอะมากเลยนะ ... แล้วหนูเอาตังค์ให้ใคร?
วินเซนต์ : แซค!!





วินเซนต์ยังพบว่า การรักษาด้วยเคมีบำบัดของแซค ทำให้แซคต้องไม่มีผม
วินเซนต์ : "ผมโกนหัว (นักข่าว : โกนหัวเลยหรอ!! ทำไมหล่ะ?) แซคจะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นคนเดียวที่ไม่มีผม"




แซคยังคงต้องเข้ารับการบำบัด และยังมาโรงเรียนทุกวัน



นักข่าว : มิตรภาพคืออะไร?

วินเซนต์ : สิ่งสวยงาม




ดูแล้วซึ้งมากจริงๆ ค่ะ  ตัวแค่เนี้ยะ เด็กขนาดนี้ ยังคิดได้ขนาดนี้ ขอให้ แซคหายไวๆๆๆๆๆ นะคะ



:13:      :07:      :yoyo061:    :yoyo098:      :yoyo098:    :07:   :13:




<a href="https://www.youtube.com/v/8s8i77IpRmc" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/8s8i77IpRmc</a>


:13:   . . :yoyo031:  . .  :13:




.

.


:13: Th@nks ♥ for all Cr By  :   ภาพประกอบเรื่องเล่า เรื่องราวดี ซึ้งๆๆ อันน่าประทับใจ มิตรภาพที่สวยงาม น่ารักๆ ที่แชร์มาจาก : Dek-d.com   และ คลิปประกอบ จาก : Youtube ตลอดจนทุกๆที่มาทั้งหมด มากมาย  มา ณ.ที่นี้ ด้วยนะคะ .. ^^

3
ขอบคุณบุคคล 10 ประเภทนี้ . .
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ!!




1.ขอบคุณผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูคุณ
ท่านเป็นผู้มอบชีวิตให้แก่คุณ ใช้ความรักและหยาดเหงื่อเลี้ยงดูคุณมาจนเติบใหญ่ ต่อให้ฟ้าดินล่มสลาย ท่านทั้งสองก็จะยังคงยืนอยู่เคียงข้างคุณ เป็นกำลังใจให้คุณสู้ต่อ

2.ขอบคุณลูกหญิงและลูกชาย
เขาทำให้คุณรู้ว่า รักอันยิ่งใหญ่คือรักในอ้อมกอดของพ่อและแม่ ความสุขอันยิ่งใหญ่คือความสุขที่ได้เห็นลูก ๆ เติบใหญ่ขึ้นทุกวัน แม้จะเจอมรสุมลมฝนกระหน่ำอย่างไรก็เป็นสุขใจ

3.ขอบคุณพี่น้อง
พวกเขาทำให้คุณรู้ว่าเลือดข้นกว่าน้ำนั้นเป็นอย่างไร ความผูกพันระหว่างพี่น้องเปรียบดั่งเมฆและพระจันทร์บนท้องฟ้า แม้จะไม่ปรากฏให้เห็นในทุก ๆ วัน แต่คุณก็รู้ว่ามันยังคงดำรงอยู่จริง

4.ขอบคุณคนที่รักคุณด้วยความจริงใจคนนั้น
เขาหรือเธอมอบความรักให้โดยไม่ปรักปรำพร่ำบ่น ความห่วงใยของเขาและเธอทำให้คุณมีที่พึ่งแม้จะเพียงชั่วครู่ แต่เมื่อยามที่คุณเงยหน้ามอง คุณก็รู้ว่าโลกนี้ยังคงมีแสงสว่างและอบอุ่นอยู่บ้างในบางเวลา

5.ขอบคุณคนที่คุณเคยรัก
คนที่คุณเคยมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้โดยไม่คำนึงถึงตัวเอง เขาหรือเธอทำให้คุณรู้ว่ารักคืออะไร? เขาหรือเธอทำให้คุณสัมผัสได้กับคำว่ารอคอยและผิดหวัง ทำให้คุณรู้ว่าบุพเพฯในโลกใบนี้เหมือนทัศนียภาพ แม้จะงดงาม หวาดหวังได้แต่มันอาจไม่เป็นจริงเสมอไป

6.ขอบคุณคนที่คอยชี้แนะคุณยามที่เจอกับอุปสรรค
คำพูดของเขาแม้จะง่ายๆ แต่ทำให้ความทุกข์และความหลงผิดของคุณลดน้อยถอยลงไปมาก

7.ขอบคุณเพื่อนผู้รู้ใจ
เพื่อน ทำให้คุณยิ้มทั้งน้ำตา แม้บางครั้งจะหมั่นไส้ แต่ความผูกพันก็ไม่เคยเสื่อมคลาย สุขเศร้าเคล้าน้ำตา เพื่อนคืออีกคนหนึ่งที่คอยยืนอยู่เคียงข้างคุณ

8.ขอบคุณคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณแม้จะเพียงพริบตาผ่าน
แม้จะแค่เพียงผ่านตา แต่พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสีสันที่ไม่อาจลืมเลือนได้ในชีวิตคุณ

9.ขอบคุณคนที่เคยทำร้ายและทรยศคุณ
พวกเขาทำให้คุณตาสว่างว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ด้านสว่างและด้านบวก เหมือนดั่งพระอาทิตย์ที่ไม่อาจส่องแสงสว่างได้ในทุกเวลา

10.ขอบคุณคนที่จับมือเดินเคียงคู่ไปกับคุณทั้งชีวิต
เพราะเขาหรือเธอคอยเคียงข้างดั่งเงาตามตัว ไม่ทำให้ทุกวันของคุณโดดเดี่ยวหรืออ้างว้างอีกต่อไป คอยร่วมทุกข์ร่วมสุข คำว่าชีวิตแข็งแกร่งขึ้นและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเพราเขาและเธอ



นุสนธิ์บุ๊คส์




.

.

.



. . :13:  ขอขอบพระคุณที่มาของแชร์ดีๆจาก :  FB นุสนธิ์บุ๊ค  NusonBooks  มากมายด้วยค่ะ ^^

4


เรื่องเล่าสั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง!




เรื่องเล่าสั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง!


เรื่องที่1 ..

หนูตัวหนึ่งตกลงไปในถังข้าวสาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือมันดีใจมาก มันคิดว่ามันโชคดี มันจึงกินขาวสารนั้นอย่างอิ่มหมีพีมัน กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน เป็นอยู่อย่างนี้หลายวัน
วันแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ วันหนึ่งตอนที่มันกินจนเห็นพื้นของถังข้าวสาร มันฉุกใจคิด แต่ข้าวสารในถังก็เป็นสิ่งที่ยั่วยวนเหลือเกิน มันกินจนข้าวสารในถังหมดไป ถึงตอนนี้มันถึงรู้ว่า การปีนออกจากถังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
@ การใช้ชีวิตของเราดูเหมือนปกติธรรมดา แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเต็มไปด้วยกับดักและหลุมพลางที่แสนอันตราย



เรื่องที่2..

ภรรยากำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว สามีคอยกำกับอยู่ข้างๆ
“คนเบาๆ ช้าๆหน่อย ระวังหน่อยสิ ไฟแรงไป เร็วๆ รีบพลิกปลาได้แล้ว ตักออกมาสิ น้ำมันเยอะไปนะ คีบเต้าหู้วางให้ตรงๆสิ! ”
“นี่คุณ” ภรรยาทนไม่ไหว “ฉันทำกับข้าวเป็น พูดอยู่ได้”
“ที่รัก ผมรู้ว่าคุณทำเป็น” ผู้เป็นสามีบอกออกไป “ผมเพียงอยากให้คุณรู้ว่า เวลาที่ผมขับรถแล้วคุณคอยบอกให้ผมเบรก ให้ผมเร็ว ให้ผมระวัง ให้ผมแซงนะ ผมรู้สึกยังไง”
@ การเรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่อยงยาก เพียงแค่คุณยินดียืนอยู่ในจุดยืนของฝ่ายตรงข้ามก็แค่นั้นเอง


เรื่องที่3 ..

วันที่1 กระต่ายออกไปตกปลา กลับมาตัวเปล่าไม่ได้ปลากลับมาเลย
วันที่2 กระต่ายไปตกปลาอีก แต่ก็กลับมาตัวเปล่าเหมือนเมื่อวาน
วันที่3 เมื่อกระต่ายไปถึงบ่อปลา ปลาตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นจากน้ำและตะโกนพูดขึ้นว่า “ถ้านายยังเอาแครอทมาเป็นเหยื่ออีก ฉันจะกระโดดขึ้นจากน้ำมาตบแกให้ตายเลยเชียว”
@ คุณให้ในสิ่งที่คุณชอบแก่คนอื่น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ อุทิศให้ในแบบโลกของคุณ มันไม่มีค่า



เรื่องที่4 ..

มีเสืออยู่สองตัว ตัวหนึ่งอยู่ในกรง อีกตัวหนึ่งอยู่ในป่า มันต่างคิดว่าที่ๆมันอยู่นั้นไม่น่าอยู่เลย ต่างก็อิจฉาการดำเนินชีวิตของซึ่งกัน วันหนึ่ง พวกมันจึงแลกที่อยู่กัน ต่างก็มีความสุขกับสภาพแวดล้อมใหม่
ต่อมาไม่นาน เสือทั้งสองตัวก็ตาย ตัวหนึ่งอดตายอยู่ในป่า อีกตัวหนึ่งตายเพราะซึมเศร้าอยู่ในกรง
@ บางครั้ง เราไม่ถนอมวาสนาที่เรากำลังได้รับอยู่ แต่เรามักอิจฉาในวาสนาของคนอื่น แท้จริงแล้ว สิ่งที่คุณมีนั่นแหละคือสิ่งที่คนอื่นอิจฉา



เรื่องที่5..

ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย เด็กสาวนางหนึ่งซึ่งหน้าตาก็ไม่ได้สวยอะไรมาก เธอสมัครเป็นดาวคณะ ตอนที่เธออออกมาแนะนำตัวต่อหน้าเพื่อนนิสิต เธอบอกว่า
“หากเพื่อนๆเลือกฉัน อีกสิบปีข้างหน้า เพื่อนๆสามารถอวดกับลูกๆและสามีได้ว่า ในปีที่แม่เรียนอยู่ แม่สวยกว่าดาวของคณะ”
เมื่อถึงเวลาเลือกดาวคณะ ปรากฏว่าเธอชนะ
@ การจะพูดให้คนอื่นยอมรับคุณ ไม่ต้องบอกในความพิเศษและโดดเด่นของคุณ แต่จงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเพราะคุณ พวกเขาจึงมีความพิเศษและโดดเด่นขึ้น



เรื่องที่6..

ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง มาร์ก ทเวนนั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาพูดไปตามมารยาทว่า “คุณสวยจริงๆครับ”
ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่รับน้ำใจ ไม่แม้แต่จะกล่าวคำว่าขอบคุณ เธอพูดออกไปอย่างยโสว่า “น่าเสียใจ ฉันไม่อาจชมว่าคุณหล่อเหมือนที่คุณชมว่าฉันสวยได้!”
มาร์ก ทเวนพูดออกไปอย่างสุภาพว่า “ไม่เป็นไรครับ แต่คุณควรฝืนใจฝึกพูดโกหกเหมือนผมบ้างก็ได้นะครับ”
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกอับอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง
@ เมื่อคุณโยนหินออกไปข้างหน้า คนที่จะสดุดมันล้มไม่เป็นท่าก็คือตัวคุณนั่นเอง!




นุสนธิ์บุ๊คส์.



.

.

.



. . :13:  ขอขอบพระคุณที่มาของแชร์เรื่องเล่าเรื่องราวดีๆจาก :  FB นุสนธิ์บุ๊ค  NusonBooks  มากมายด้วยค่ะ ^^

5

ชาติหน้า ผมไม่ขอเป็นลูกของแม่อีกแล้ว!!





เจ้าของบทประพันธ์: มิสเตอร์หูถิงซั่ว นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน(ไถต้า)

เขาเกิดมาพร้อมกับโรคกล้ามเนื้อลีบจากไขประสาทเสื่อม(ALS, Amyotrophic lateral sclerosis)
แต่เขามีสติปัญญาดีกว่าคนรุ่นเดียวกัน เขาเป็นลูกคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว(Single mom)
คุณแม่ของเขาคือคุณเหอเหม่ยจินเลี้ยงดูเขาเพียงลำพังตั้งแต่เล็กจนโต เพราะเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบฯ จึงทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก
คุณแม่ของเขาลาออกจากการเป็นผู้จัดการบริษัทประกันภัย ออกมาเปิดบริษัทของตัวเองเพื่อเลี้ยงดูลูก ต่อมาบริษัทของคุณเหอก็ปิดตัวลง แม่ลูกจึงเก็บผักที่แม่ค้าไม่เอาแล้วในตลาดและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใกล้หมดอายุในซุปเปอร์มาร์เก็ตมาประทังชีวิต
ทุกครั้งที่เขาเห็นสกู๊ปชีวิตในทีวี เขาจึงมักจะเอ่ยอยู่เสมอว่า “อันนี้มันน่าสงสารแล้วเหรอ!”
…………………………………………………………..

“ แม่ครับ .. วันนี้เป็นวันเกิดของผม วันนี้เมื่อ23ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ แม่เหนื่อยและลำบากเพราะผมมาก
เป็นเรื่องที่ใครๆก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ลูกชายคนนี้ของแม่เกิดมาพร้อมกับโรคกล้ามเนื้อลีบฯ แม่ทนกับคำถากถางของญาติพี่น้องในทุกๆวันได้อย่างไร? แม่ทิ้งเงินเดือนในตำแหน่งผู้จัดการอันสูงลิ่ว ชีวิตครอบครัวจบลงด้วยการหย่าร้าง แม่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเลี้ยงดูผมมาลำพังจนเติบใหญ่ ที่จริงแม่ทิ้งผมไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าก็ได้ แต่แม่ก็ไม่ทำ เพราะอะไร?
คุณหมอบอกว่า
“เด็กคนนี้น่าจะอยู่ได้สัก 6ปี หรือ 12ปี แต่ไม่เกิน 18ปี ”
ผมไม่รู้ว่าเมื่อแม่ได้ยินข่าวร้ายอย่างนี้ ทำไมยังพูดคุยหัวเราะบอกกับผมว่า
“คุณลุงหมอบอกแม่ว่า ลูกจะหายตอนอายุ6ขวบ และจะหายเป็นปกติตอนอายุ 12ขวบ”
ตอนที่ผมอายุได้18ปี อาการป่วยของผมกำเริบหนัก ทำให้ผมอยากตายให้มันแล้วๆไป ผมไม่รู้ว่าคนตกงานอย่างแม่ทำได้ยังไง ที่ไม่ให้สิ่งเหล่านี้มากดทับซ้ำเติมคนอ่อนแออย่างผม

วันนี้ ผมอายุ23ปีแล้ว ที่ผมอยู่ได้มากขึ้นในแต่ละวันก็เพราะแม่ส่งเสริมก็เพราะเกียรติของแม่ ตอนที่เรียนมัธยม แม่ทำงานใช้หนี้จนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง จึงทิ้งโอกาสที่จะเดินทางไปเกาสยงเพื่อไปรับรางวัลคุณแม่ดีเด่น แต่วันนี้ผมภูมิใจในแม่มาก ผมอยากจะบอกแม่ดังๆว่า “ผมรักแม่ แม่คือคุณแม่ดีเด่นในใจผมตลอดไป”

ตอนเล็กๆ ผมไม่เข้าใจและผมก็โมโหมาก ทุกครั้งที่ผมหกล้ม แม่ไม่เคยมาพยุงผมเลย ต่อให้ผมคลานอยู่กับพื้นที่สวนสาธารณะ ถูกผู้คนมองนานเป็น10-20นาที แม่ก็ไม่เคยเข้ามาพยุงผม ผมต้องกัดฟันจับเก้าอี้พยุงตัวเองขึ้นมา

เมื่อผมโตผมจึงเข้าใจ คนที่เป็นโรคเดียวกับผมไม่มีใครเดินได้ หากแม่ไม่ใจดำกับผม ผมคงจะฝึกเดินเองไม่ได้จนถึงตอนนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าแม่ทนได้ยังไงที่จะไม่เข้ามาพยุงผม ทุกนาทีที่ผมล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้น มันไม่ใช่เหมือนมีดที่คอยกรีดใจแม่เป็นร้อยๆพันๆปีหรอกหรือ?

ยิ่งใครๆเขาสงสารผม แม่ก็ยิ่งเรียกร้องกับผม ตอนเป็นเด็กกล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรง เวลาเขียนตัวหนังสือก้เหมือนไก่เขี่ย ผมเขียนได้บรรทัดหนึ่ง แม่ก็ฉีกไปหน้าหนึ่ง เกรดไม่ดี คะแนนลดไปหนึ่งคะแนน แม่ก็ตีผม “เดินก็ไม่ถนัด ยังจะมาเรียนหนังสือแย่อีก แม่ตายไปแล้วลูกจะทำยังไง?”

ผมเรียนมัธยมจนถึงเรียนมหาลัยแห่งชาติได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเพราะแม่คอยเตรียมการให้ การเรียนไม่ใช่สาเหตุของความสำเร็จในชีวิต แต่นี่มันปูด้วยหยดเลือดและน้ำตาของแม่ แส้ที่แม่ตีผม ทุกครั้งที่แม่ตีถูกเนื้อผมก็เจ็บไปถึงใจของแม่ แม่ยอมทนเจ็บที่ใจเพื่อให้ผมยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ใครเขามาสมเพชผม

ตอนที่แม่เปิดบริษัทเอง ไม่ว่าจะยุ่งยังไงก็ตาม แต่ก็จะมาส่งข้าวกลางวันให้ผมด้วยตัวเองทุกครั้ง ก็เพราะผมชอบกินข้าวกล่องของร้านนั้นเป็นพิเศษ แต่แม่ก็มาไม่ทันข้าวเที่ยงสักวัน ผมต้องถูกลงโทษให้ไปกินนอกห้องช่วงพักเรียนตอนบ่ายทุกวัน แต่ที่ผมไม่เคยบอกแม่เลยก็คือ ทุกวันที่ผมได้เห็นแม่ในช่วงกลางวัน ต่อให้แป๊บเดียว ผมก็มีความสุขมาก

ตอนที่ผมเรียนมัธยม บริษัทที่แม่เปิดต้องปิดลงเพราะหุ้นส่วนใจดำทั้งหลาย แม่จึงไปรับจ๊อบที่สำนักงานบัญชีเพื่อประทังชีวิต แต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย แม่ก็ไปทำงานที่ร้านขายอาหารเช้าแล้ว ตอนเย็นก็ไปล้างถ้วยที่ร้านอาหารบุฟเฟต์อีก เพื่อที่จะได้เอาอาหารที่เหลือขายมาให้ผมกิน

จำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่ง ประมาณ5ทุ่ม แม่ยังไม่มารับผมที่โรงเรียน ครูสอนพิเศษพาผมลงไปรอแม่ที่เซเว่น
“เอ๊า! จะดื่มอะไร เลือกเอง ”
ผมยืนอยู่หน้าตู้แช่ กลอกตามองไปมา ผมไม่เคยใช้เงิน และก็ไม่ชินกับการซื้อเครื่องดื่ม จึงไม่รู้จะเลือกอย่างไร?
“อื่อ อันนี้อร่อยดีนะ” ครูสอนพิเศษหยิบชานมกระป๋องเขียว2กระป๋องไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์
ผมเข้าใจคำว่าเลือกในทันที ผมไม่มีเงิน ผมจึงเลือกเครื่องดื่มที่ผมชอบไม่ได้ ชีวิตของแม่ก็เช่นกัน แม่ก็เลือกไม่ได้เหมือนกัน ในตอนนั้น ผมคิดแต่เพียงว่า หากแม่มีเงินแม่ก็คงมีทางเลือกมากขึ้น ผมไม่ต้องการเป็นเศรษฐี แต่อย่างน้อย ผมอยากเป็นคนเลือกบ้าง เลือกในสิ่งที่ผมต้องการ และที่ผมต้องการก็คือ อยากให้แม่กลับบ้านเร็วหน่อย ตอนเช้าตื่นสายๆหน่อย

ตอนที่เรียนมัธยม โรคได้กำเริบรุนแรง ทำให้ผมขึ้นรถเมล์ไปเรียนเองไม่ได้ ไม่สามารถเดินไปรับอาหารกลางวันฟรีที่สหกรณ์ได้อีก ตอนที่ต้องนั่งล้อเข็นใหม่ๆ ผมรับไม่ได้กับอุปกรณ์ส่วนเกินนี้ นอกจากร้องไห้แล้ว ผมก็อยากให้ชีวิตของผมมันจบๆไปซะที ผมถามฟ้าเบื้องบนอยู่เสมอว่า “ทำไมท่านทำกับผมอย่างนี้?” ผมรู้ว่าแม่เจ็บปวดมากกว่าผม แต่แม่กล้ำกลืนอดทนมันไว้ ทุกครั้งที่ผมร้องไห้จนเหนื่อยหอบอยู่บนโต๊ะ แม่ก็จะแซวผมว่า “ดื่มน้ำเพิ่มไหม เสียน้ำตาไปมากแล้ว เดี๋ยวน้ำในตัวจะหมด”

ในวันนั้น ผมเอามีดทำอาหารของแม่เตรียมกรีดข้อมือตัวเอง แม่เห็นก็เข้ามาแย่ง แม่เอามือของแม่จับคมมีดฉุดไปจากผม แม่ไม่ได้กลัวว่ามีดจะบาดมือแม่ยังไง แม่ห่วงแต่ว่าจะให้ผมมีชีวิตต่อได้ยังไง ผมตกใจจนต้องปล่อยมือจากมีดนั้น คลานไปนั่งที่มุมห้อง
“ไม่ต้องงอแงเลย เอามีดมาให้แม่ แม่จะไปทำข้าวเย็น!”

ผมรู้สึกมันไร้สาระมาก ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว แม่ยังจะมาทำข้าวเย็นให้กินอีก แต่แม่รู้ไหมครับ คำๆนี้ของแม่อยู่กับผมในช่วงเวลาที่ชีวิตดิ่งลงเหวลึกเสมอมา “ไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือทุกข์ทรมานเพียงใด พรุ่งนี้ก็ยังคงจะมาถึง ชีวิตยังคงต้องสู้ต่อ” นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวันนั้น ขอบคุณแม่มาก ที่เลี้ยงดูผมมาอย่างไม่ปรักปรำพร่ำบ่น

แม่ยิ่งใหญ่สำหรับผมมาก หากชาติหน้ามีจริง ผมจะไม่ขอเป็นลูกของแม่อีก ผมจะขอเกิดมาเป็นพ่อของแม่ เป็นแม่ของแม่ ผมขอเป็นคนดูแลแม่ ไม่ต้องให้แม่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างนี้อีก
แม่ครับ ผมรักแม่!”


นุสนธิ์บุคส์


.

.

.



. . :13:  ขอขอบพระคุณที่มาของแชร์เรื่องเล่าเรื่องราวดีๆจาก :  FB นุสนธิ์บุ๊ค  NusonBooks  มากมายด้วยค่ะ ^^

6
สโลว์ไลฟ์สไตล์ 'ลอร่า' . .

ชีวิต :19: ที่ช้าลง (ความสุขที่แท้จริง)
ในแบบของ . . ลอร่า - ศศิธร วัฒนกุล





ครอบครัววัฒนกุล คุณแม่ลอร่า-ศศิธร คุณพ่อ รต.สิษฐ ลูกสาวด.ญ.ศิศิรา และลูกชาย ด.ช.ศิลา




     ลอร่า-ศศิธร วัฒนกุล ค้นพบแล้วว่า แนวคิดการใช้ชีวิตในรูปแบบ Slow Life "สโลว์ไลฟ์" หรือชีวิตที่ช้าลงคือ ความสุขที่แท้จริง ลอร่า-ศศิธร วัฒนกุล คุณแม่ลูกสองที่มาพร้อมกับภาพความเป็น ซูเปอร์มัม เลือกใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูโดยคุณปู่คุณย่า ซึ่งเกิดในยุครัชกาลที่ 5 จึงเป็นต้นแบบการใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ขนานแท้ เมื่อเติบโตมากับวิถีการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายจึงคุ้นเคยกับชีวิตแบบดั้งเดิม สังเกตจากอุปกรณ์ในห้องครัวยังเป็นแมนนวลเกือบทั้งหมดตั้งแต่เตาอั้งโล่ ซึ้งนึ่งข้าวจนถึงครก

ชีวิตสโลว์ไลฟ์ของลอร่าเริ่มอย่างจริงจังในวัยสาว 20 โดยหวังผลลัพธ์ในมุมของการดูแลสุขภาพและความงาม เพราะปัญหาใหญ่คือ สิว จึงสนใจการรักษาแนวธรรมชาติบำบัด จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลเปรียบเทียบรวมทั้งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็คือนายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุลและแพทย์หญิงลลิตา ธีระสิริ

จากนั้นก็ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์มาตลอด แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ได้มาใช้ชีวิตแบบช้าๆ เต็มที่ เมื่อแต่งงานและมีลูกคนที่สอง น้องมาร์โก้-ศิลา จึงแยกครอบครัวออกมาอยู่ตามลำพัง พ่อ แม่ ลูก ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติของพื้นที่โซนลาดกระบัง ซึ่งเอื้อให้กับการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์มากขึ้น

ในมุมมองของลอร่า “สโลว์ไลฟ์ ” เป็นแนวคิดที่ใช้วางเป้าหมายชีวิตในระยะยาวของเธอ เช่น อยากเห็นงานศพของตัวเองเป็นอย่างไร เป็นงานเล็กที่ไม่มีใครอยากมา หรือเป็นงานศพที่ผู้มาร่วมงานเปี่ยมด้วยความรู้สึกที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาวที่หลายคนอาจไม่เคยคิด หรือแนวทางการใช้ชีวิตในโลกใบนี้จะเป็นแบบไหน รีบเร่งที่จะประสบความสำเร็จด้วยการข้ามหัวคนอื่นไปเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย หรือว่าจะใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป วิ่งอยู่ในลู่ส่งไม้ผลัดให้ลูกรับไม้ต่อจากแม่ ซึ่งเธอได้ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไปตามเป้าหมาย

ลูกสาวที่รับไม้แนวคิดต่อจากคุณแม่ก็คือ โมนิก้า-ศิศิรา สาวน้อยวัย 11 ปี เล่าว่า จากประสบการณ์ที่ต้องใช้ชีวิตสองบ้านคือ บ้านที่ลาดกระบังกับบ้านที่สุขุมวิท ทำให้สัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างการใช้ชีวิตที่เร่งรีบกับการใช้ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางการสัมผัสธรรมชาติ โดยเห็นข้อเปรียบเทียบชัดเจน

ยกตัวอย่าง ถ้าอยู่ที่บ้านลาดกระบังจะได้รับประทานอาหารพร้อมกัน แต่ที่บ้านสุขุมวิทต่างคนต่างรับประทาน เธอต้องซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมารับประทานเพราะสะดวก ซึ่งต่างจากเมนูอาหารที่บ้านลาดกระบัง เน้นผักหรือข้าวผัดที่ปรุงรับประทานพร้อมกัน

โมนิก้าบอกว่า "ชอบที่ได้รับประทานอาหารพร้อมหน้ากันมากกว่า"

โมนิก้าผ่านการเลี้ยงดูให้ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติของลอร่า เริ่มตั้งแต่การคลอดธรรมชาติ ให้นมถึงสองปี ฝึกให้ลูกอยู่กับของเล่นที่เสริมจินตนาการ เช่น กระดาษเปล่า บล็อกตัวต่อ ผ้า สี ที่ไม่ใช่ของเล่นสำเร็จรูป แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ลูกดูการ์ตูนทีวี อ่านการ์ตูนญี่ปุ่น เพราะอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ ต้องยืดหยุ่น แต่สิ่งหนึ่งที่โมนิก้าซึมซับมาจากคุณแม่ก็คือ รักการอ่านการเขียนที่ใช้จินตนาการ

ทว่าสิ่งที่แปลกของครอบครัวนี้ก็คือ การใช้ชีวิตที่แตกต่างของลอร่ากับสามี (ร้อยตรีซูโม่-สิษฐ วัฒนกุล) เธอเน้นเมนูผัก สามีเน้นเมนูเนื้อ เธอโลว์เทคโนโลยีแต่สามีจะเกาะติดทุกเทรนด์เทคโนโลยี สวนทางกันอย่างชัดเจนแต่เธอมองว่า เป็นสิ่งดีที่ลูกจะเห็นและตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตตามสไตล์ที่ตนเองชอบในอนาคต ว่าอยากมีชีวิตแบบไหน

"จากประสบการณ์ตรงพบว่า การเลี้ยงลูกเป็นงานที่ต้องทำเป็นทีมเวิร์ค ถึงจะตัดสินใจแบบนี้แต่ยังมีสามี มีคุณพ่อ ซึ่งทุกคนก็มีสิทธิในตัวหลานเท่ากัน จึงต้องเผื่อใจว่า สิ่งที่อยากให้ลูกเป็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะที่บ้านเลี้ยงลูกเป็นทีม และลูกก็มีสิทธิเลือก"

เธอทำได้แค่พยายามโน้มน้าวใจให้คนรอบข้างตัดสินใจเลือกในแบบที่เธออยากให้เป็นเท่านั้น...เคล็ดลับของเธอ




การสอนให้ลูกรู้จักตัดสินใจ ถือเป็นการมองไกลอีกอย่างหนึ่งในการฝึกให้เด็กรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะชีวิตไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก ถ้าตัดสินใจผิดก็ตัดสินใจใหม่ได้ เธอมักสอนลูกๆ เสมอว่า ถ้าตัดสินใจผิดให้เตรียมไม้กวาดกับที่โกยผงไว้ ทั้งนั้นต้องการสะท้อนให้เห็นว่า ในแต่ละวันเราทุกคนมีสิทธิทำเลอะเทอะได้ อย่าจมอยู่กับกองขยะเหล่านั้น ให้กวาดมันออกไปทิ้ง หรือผูกลูกโป่งให้ลอยหายไป

ขณะเดียวกันเธอก็ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง เพราะเด็กๆ เรียนรู้ลักษณะนิสัยที่ดีจากการซึมซับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นอยู่เป็นประจำ พวกเขาเรียนรู้จากการสังเกตและทำตามผู้ใหญ่ หากต้องการให้มีพฤติกรรมที่ดี ต้อง “ทำให้เห็น เป็นให้ดู” เช่น ความกตัญญู การดูแลพ่อแม่ การให้เกียรติพ่อแม่

ดังนั้น แม้ว่าเธอจะแยกครอบครัวออกมาแล้ว แต่ก็ยังกลับไปเยี่ยมคุณตาของเด็กๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ สิ่งที่ได้ก็คือ โมนิก้ามีโอกาสใกล้ชิดคุณตาถึงขั้นหันมาสนใจเพลงสุนทราภรณ์

วิถีสโลว์ไลฟ์ยังสอนให้ลอร่ารู้จักที่จะมองเป้าหมายยาวและคิดในเชิงบวก เช่น ลูกทำพฤติกรรมแบบนี้อาจไม่ได้มีความหมายแบบที่เขาบอกหรือที่เธอคิดก็ได้ หากไม่ถามก็จะไม่เข้าใจความคิดของเขา เพราะเด็กๆ มักจะมีเรื่องให้คุณได้ประหลาดใจบ่อยๆ

วิธีที่ดีก็คือ ต้องมองไปไกลๆ พยายามทำความเข้าใจกับพฤติกรรมที่เขาแสดงออกว่า ต้องการสื่ออะไร มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ บางครั้งพฤติกรรมบางอย่างทำเพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาต้องการความรักความเข้าใจ เช่น ถ้าคุณอยากให้ลูกตื่นเช้าไปโรงเรียน ไม่ได้มองแค่ว่า ต้องตื่นเช้าเพื่อให้ไปโรงเรียนให้ทัน แต่ต้องมองว่าการที่ลูกตื่นเช้าเป็นการฝึกวินัยให้รู้จักเรียงลำดับความสำคัญ หรือการเข้านอนเร็วจะทำให้ร่างกายยืดสูงและมีสมาธิดี

คุณแม่บ้านสมองไว ยอมรับว่า การใช้แนวคิดสโลว์ไลฟ์กับเด็กต้องใจเย็นแต่บางครั้งก็ต้องเอาจริง ขณะเดียวกันให้อิสระทางความคิดกับลูก ภายใต้กรอบกฎเกณฑ์กติกาที่ชัดเจนผ่านการตกลงร่วมกัน

การสร้างกฎกติการ่วมกันเพื่อฝึกให้มีความรับผิดชอบ ถือเป็นสิ่งจำเป็นของครอบครัวในยุคสังคมออนไลน์ ก่อนที่จะให้ใช้ไอแพดไอโฟนก็ต้องมีกติกา เพราะที่บ้านลาดกระบังไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีไมโครเวฟ ไม่มีจานดาวเทียม มีแต่อินเทอร์เน็ตซึ่งเธอมองว่า เพียงพอแล้วสำหรับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านไอแพคที่มีแค่เครื่องเดียว

ไอแพด 1 เครื่องสำหรับสมาชิกครอบครัว 4 คน ลอร่าต้องการให้ลูกๆ เรียนรู้ที่จะใช้อย่างพอดี ไม่มากจนเกินไป รู้จักการแบ่งปัน หรือแม้แต่โมนิก้าเองปัจจุบันยังไม่มีโทรศัพท์ใช้ แม้ว่าเพื่อนในชั้นจะมีกันทุกคน ช่วงแรกโมนิก้าไม่เข้าใจ แต่ต่อมาเริ่มเข้าใจว่า ทำไมแม่ถึงไม่ให้โทรศัพท์ เพราะมันยังไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น

ภาพของลอร่าในสายตาของหลายคนมักนึกถึงความเป็นซูเปอร์มัม แต่สำหรับเธอ กลับมองตนเองเป็น Mom@Work คือผู้หญิงที่สวมหมวกหลายใบทั้งภรรยา แม่ แม่บ้าน ผู้หญิงทำงาน ฉะนั้น การรู้จักแบ่งเวลาเป็นหัวใจสำคัญ เคล็ดลับก็คือการทำตารางชีวิตของเธอและสามี ให้มีเวลาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับลูกๆ


.

.

.



. . :13:  ขอขอบพระคุณที่มาของเรื่องราวดีๆจาก : กรุงเทพธุรกิจ bangkokbiznews.com ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2557 คอมลัมน์ Life Style : สุขภาพ  โดย : บุษกร ภู่แส , คุณลอร่า (ศศิธร วัฒนกุล) และ ครอบครัว มากมายด้วยค่ะ ^^

7


ห นั ก แ ผ่ น ดิ น . .

 ver. Chill chill  - คสช.

Cover by Vanilla Sunday . .





  :13:  :43:  ห นั ก แ ผ่ น ดิ น ver. Chill Chill 


เ พ ล ง ห นั ก ( แ ผ่ น ดิ น )

เ ว อ ร์ ชั่ น . .

ที่ . . ไ ม่ ห นั ก  ^ ^ . .



.

.

 :13:  ขอขอบพระคุณทุกที่มามากมายค่ะ :  (เครดิตตามคลิปเลยนะคะ) ^^



8
ธรรมะนาที

สำหรับ . . . คนไม่ค่อยว่าง!!
Dhamma for Busy people : ท่านพุทธทาสภิกขุ




{ ทำความเข้าใจเรื่องสังสารวัฏ }


.

.



     :13: . . ขอน้อมจิต :19: กราบอนุโมทนา+ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดจาก : ท่านพุทธทาสภิกขุ   และ Faithbook (FB-Page) มากมาย ด้วยค่ะ ^^.. 

9



มีสิ่งหนึ่งที่เราจะไม่ค่อยเลือกเท่าไร ก็คือการเลือกที่จะไม่ทุกข์ เราเพลินกับการเลือกสิ่งต่างๆ มากมาย เลือกโทรศัพท์มือถือ เลือกยี่ห้อของรถที่จะขับ เราพิถีพิถันใส่ใจกับการเลือกสิ่งเหล่านี้มาก แต่ว่ามักจะลืมไปเลยว่า มีสิ่งสำคัญกว่านั้นที่เราเลือกได้ แต่เราไม่ค่อยเลือกเท่าไร นั่นคือ เลือกที่จะไม่ทุกข์ ทั้งที่ทางเลือกที่จะไม่ทุกข์มีอยู่แต่ว่าบางครั้งเราก็ไม่เลือก


พระไพศาล วิสาโล


:13: . .  ส า ธุ !
 





      :13: . . ขอน้อมจิต :19: กราบอนุโมทนา+ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดจาก : พระไพศาล วิสาโล (FB) และ Faithbook (FB-Page) มากมาย ด้วยค่ะ☺.. 

10
ขอน้อมเกล้าฯ กราบอัญเชิญพระราชดำรัส ..

แห่ง .. องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูู่หัว _/\_ .. :19:

(องค์พ่อหลวง , พระโพธิสัตว์ของปวงชนชาวไทย ทุกหมู่เหล่า)





..ที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แก่ พวกเรา เหล่าพสกนิกร ชาวไทย และ ชาวต่างประเทศ ที่รัก  :19: ภักดี น้อมพลีถวาย เทิดทูน ศรัทธา พระองค์ท่าน ผู้อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้ร่มพระบารมีฯ แห่งองค์พ่อหลวง ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่๙ .. ทุกหมูเหล่า เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นพระพรอันประเสริฐ สูงสุด แก่ ผู้น้อมนำไปเพียรปฏิบัติจริง..ในชีวิตพวกเราทุกคน นะคะ . . :13: . . . . :19:






" พระราชดำรัส ♥ พระราชทานพรปีใหม่อันเป็นมิ่งมงคล " .. 

แด่ .. พสกนิกรทุกคน-ชนทุกหมู่เหล่า

บนผืนแผ่นดินไทย :19: ภายใต้ร่มพระบารมี






  :13: .. ☺ ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ ♥ ยิ่งยืนนาน .. :07:


.

.

.





:13: . . ขอน้อมเกล้าฯ น้อมรับพรพระราชทาน (ตั้งจิตน้อมนำไปปฏิบัติ) และ น้อมเกล้าฯกราบขอบพระคุณในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงพระเมตตาโปรดแด่พวกเราทุกคน  , พร้อมทั้งขอขอบพระคุณ และ ร่วมชื่นชม ที่มา & ภาพประกอบของโพสท์นี้ทั้งหมดจาก  : internet , Google , FB จากใจจริง  :19: มา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ ^^

หน้า: [1] 2 3 4 5