แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ต๊ะติ้งโหน่ง

หน้า: [1] 2 3
1
น้องต๊ะ...เป็นเช่นนี้นี่เอง :06:
ถ้าเห็นว่าคนอื่นเป็นมาร...เรานี่ล่ะมารตัวเป้ง
ถ้าเห็นว่าคนอื่นเป็นสิ่งดีๆ...ใจเราก็มีแต่สุข
ถ้ามองไม่เห็นคนอื่นเลย...แล้วเราจะหลงไปอยู่ที่ไหน
ถ้าไม่มีที่อยู่...แล้วจะอยู่ได้ไง :37: :30: :42: :45:
อยู่ได้...ดับได้...ทานที่ยิ่งใหญ่...อภัยทาน
ให้ที่ยิ่งใหญ่...ให้ธรรมทาน...
แต่สำหรับเรา...ให้ที่ยิ่งหย่ายยยยยสุดๆ คือให้ทำใจ :12: :19: :13:

 :24: :24: :24:

ซอรี่ๆๆๆ

พูดมามั่วแย้วอ่า คุณพี่เล็ก
ถ้าเห็นว่าคนอื่นเป็นมาร...เรานี่ล่ะมารตัวเป้ง

คุณพี่เล็ก มั่วแล้วอ่า


พระพุทธเจ้า เห็นมารอยู่หรือเปล่า
ตอนตรัสรู้แล้ว เห็นมารอยู่หรือเปล่า
ตอนก่อนจะนิพพาน เห็นมารอยู่หรือเปล่าอ่า

มารห้าประเภท
อภิสังขารมาร กิเลสมาร ขันธมาร มัจจุมาร และเทวบุตรมาร

ฤทธิ์ของมารต่างหาก ที่ไม่กล้ำกรายด้วยธรรมและสัมมาทิฎฐฺ
เพราะเห็นถูก รู้ถูก เข้าใจถูกอ่า
เห็นชัด รู้ชัด เข้าใจชัด
เห็นแจ้ง เข้าใจแจ้ง และรู้แจ้งอ่า


ไม่ใช่ไม่เห็นมารอ่า

กิ้วๆๆ

 :42: :42: :42:





2
สุมาอี้...ผู้ชนะทุกก๊ก





           พูดถึง"สามก๊ก"..บางคน"ลืม"ไปแล้วว่า สุดท้ายของการสู้รบ ใครชนะ !!!
           คำตอบของสุดยอดวรรณกรรมโลกของจีนเรื่องนี้ มีประโยคหนึ่งสรุปได้ชัดเจน นั่นคือ .."เล่า โจ ซุน ต่อสู้แย่งชิงกันไปชิงกันมา สุดท้ายสุมาได้ครองแผ่นดิน”
           ใช่แล้วครับ...สุดท้าย"สุมา" ได้ครองแผ่นดิน และชายผู้ชนะทุกก๊กก็คือ สุมาอี้ ...

           วิกิพีเดีย..เขียนถึง"สุมาอี้"..ไว้ว่า
          "สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้ (Sima Yi) (ค.ศ. 179-251) เป็นบุตรชายคนรองของสุมาฮอง ผู้ว่าการแห่งนครหลวงลั่วหยาง เป็นชาวอำเภออุน เมืองเหอเน่ย ( โห้ลาย ) มณฑลเหอหนาน มีชื่อรองว่า "ชงต๊ะ" มีลักษณะ แววตาแหลมเล็กคล้ายตาเหยี่ยว เป็นคนเฉลียวฉลาด ชำนาญตำราพิชัยสงคราม สุมาอี้เริ่มต้นจากการรับราชการตำแหน่งเล็กก่อนที่จะไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งเสนาธิการและแม่ทัพ อย่างไรก็ตาม ความสุขุมลุ่มลึกของสุมาอี้นั้น ทำให้แม้แต่โจโฉยังไม่ไว้วางใจ และเคยเตือนบุคคลรอบข้างให้ระวังสุมาอี้ เมื่อโจโฉและโจผีสิ้นลง โจยอยได้ขึ้นครองราชย์ สุมาอี้ได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของวุยก๊ก และเป็นคู่ปรับคนสำคัญของขงเบ้ง.."
           ใช่แล้วครับ..หลัง"จิวยี่"เสียชีวิต คนที่ขงเบ้งต้องต่อกรและพ่ายแพ้จน"ตรอมใจตาย"ก็คือ"สุมาอี้"คนนี้แหละ
           "สงคราม"ระหว่างขงเบ้งกับสุมาอี้นั้น มีหลายครั้งหลายตอนที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ โดยครั้งหนึ่ง สุมาอี้เกือบตายเพราะแผนขงเบ้งที่หลอกกองทัพของสุมาอี้ไปใน"หุบเขาน้ำเต้า" โดยหวังจะสังหารสุมาอี้ทั้งกองทัพด้วยการคลอกไฟ พร้อมระเบิดภูเขาให้ถล่มทับทั้งหมด และทุกอย่างสำเร็จผล เมื่อสามารถลวงกองทัพสุมาอี้ไปในหุบเขาสำเร็จ แต่สุดท้าย...
           "คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"..เพราะระหว่างที่ดินระเบิดกำลังถล่มกองทัพของสุมาอี้นั้น ก็เกิดฝนตกหนักจนดับไฟ
           สุมาอี้..จึงรอดตายเพราะสวรรค์เป็นใจ และกลับมารบจนชนะขงเบ้งถึงขั้น"จนมุม" ที่จุดยุทธศาสตร์เกต๋ง แต่กลับไม่ชนะเด็ดขาด เพราะเจอเกมลักไก่ของขงเบ้ง ที่"ขึ้นไปนั่งบนกำแพงแกล้งตีขิม พยักยิ้มให้ข้าศึกนึกฉงน" พร้อมเปิดประตูเมือง จนสุมาอี้ระแวงแล้วไม่กล้าบุกทัพเข้าไป ...ขงเบ้งจึงรอดตายในศึกนั้น
           แต่สุดท้าย ขงเบ้งก็ต้องตรอมใจตายเพราะกลยุทธ์"ไม่รบด้วย" แต่ยังสร้างหุ่นหลอกสุมาอี้จนแตกทัพ โดยเจ้าตัวยอมรับว่า"ข้าพเจ้าไม่เคยแพ้คนเป็น แต่ต้องแพ้คนตาย"



ขงเบ้ง ..คู่ปรับตลอดกาลของสุมาอี้

           น่าเสียดายที่หนัง"โจโฉแตกทัพเรือ" ไม่มีสุมาอี้ !!!
           เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นเมื่อ"สุมาอี้"ยอมมาเป็นขุนนางในกองทัพของ"โจโฉ"ในสถานะ"มหาอุปราช" ซึ่งเมื่อทำสงครามปราบปรามอ้วนเสี้ยวทางภาคเหนือสำเร็จจนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ควบคุมแผ่นดินภาคเหนือและกลางของประเทศได้ทั้งหมด โจโฉก็เตรียมตัวรุกลงใต้เพื่อรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว
           สุมาอี้เป็นคนเดียวที่ค้าน ในฐานะ"เสนาธิการทหาร"ของโจโฉ !!!
           "สุมาอี้"อธิบายว่า ตระกูลซุนแห่งง่อก๊ก ที่ปกครองภาคใต้นั้น มีความเข้มแข็ง และมีชัยภูมิดี ยากแก่การตีแตกได้ง่าย และที่สำคัญก็คือ กองทัพโจโฉก็เพิ่งจะปราบอ้วนเสี้ยวลงได้ ดังนั้น แม้จะอยู่ในช่วงฮึกเหิม แต่พลรบที่ได้มาจากอ้วนเสี้ยว ก็ยังไม่พร้อมที่จะทำการรบใหญ่กับพวกที่มีความเชี่ยวชาญพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำของง่อก๊กได้
           แต่โจโฉก็ตัดสินใจยกทัพไป"เซ็กเพ็ก" หรือ"ผาแดง" เพราะที่ปรึกษาเก่าๆไม่ได้ทัดทานจนพ่ายแพ้กลับมา

           โจโฉก็ระแวงคนๆนี้มาโดยตลอด !!!
           ความจริงแล้ว โจโฉระแวงสุมาอี้ก่อนร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะในปี ค.ศ.201 ขณะที่"สุมาอี้"มีตำแหน่งเป็น"ส้างจีหยวน"ในเมืองลำหยง "โจโฉ" ซึ่งเป็นซือคง(หัวหน้ากองโยธาธิการ) ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ได้ทำหนังสือมาเรียนเชิญสุมาอี้ ที่มีสายรายงานว่ามีสติปัญญา เดินทางไปเมืองฮูโต๋ เพื่อเลื่อนเป็นขุนนางใหญ่
           แต่สุมาอี้ปฏิเสธ ...อ้างว่า"ป่วย" โดยบอกนายทหารของโจโฉไปว่า "บัดนี้ข้อแลกระดูกเราผิดประหลาดไป แต่จะลุกเดินให้จำเริญใจเป็นที่สบายก็ไม่ได้ ซึ่งจะให้ไปเป็นขุนนางอยู่เมืองหลวงนั้นเห็นขัดสนนัก.."
           โจโฉได้รับแจ้งก็โกรธและคิดว่าสุมาอี้ไม่ยินดีร่วมงานด้วย จึงให้มือสังหารเข้าไปลอบฆ่าสุมาอี้ และเมื่อนักฆ่าปีนเข้าไปในบ้านสุมาอี้ ก็ย่องเข้าไปห้องนอนสุมาอี้ แล้วแทงดาบใส่สุมาอี้ ขณะที่สุมาอี้ที่เชื่อว่าโจโฉไม่พอใจและคงให้ทหารมาทำจะสังหารตัวเพื่อดูว่าป่วยจริงหรือไม่ก็นอนเฉย มือสังหารจึงกลับไปรายงานโจโฉ
           อย่างน้อยนั่นทำให้โจโฉลดความระแวงลงไป..บ้าง ...แต่สุมาอี้ก็เพิ่มความระวังตัวมากขึ้น

           กระทั่งปี ค.ศ.208 ทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่จึงได้ร่วมงานกัน
           ในปีนั้น โจโฉเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น"ไจเสี่ยง" หรือผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จึงให้มีโองการไปให้สุมาอี้เข้ามาเป็นที่ขุนนางเหวินเซียะหยวน ที่เมืองฮูโต๋ โดยคราวนี้ โจโฉสั่งความคนใช้ว่าเมื่อไปยื่นหนังสือให้สุมาอี้แล้ว หากเจ้าตัวบิดพลิ้วไม่ยอมมา ก็ให้จับตัวเอามาจงได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย
           คราวนี้สุมาอี้เป็น"นกรู้" เชื่อว่าการเชิญตัวครั้งนี้ หากไม่ไปแบบ"คนเป็น"ก็ต้องไปแบบ"คนตาย" เพราะคราวนี้ โจโฉมีอำนาจใหญ่ในพระนครหลวง หากปฏิเสธจนโจโฉโกรธขึ้นมา ก็มีอำนาจสั่งตัดศีรษะในข้อหาขัดพระบรมราชโองการ สุมาอี้จึงออกจากเมืองโห้ลาย ไปเมืองฮูโต๋ รับราชการในตำแหน่ง"หวงเหมินซื่อหลาง"
           แม้จะมาอยู่ใกล้ตัว แต่โจโฉก็ระแวงสุมาอี้ตลอด ถึงขั้นสุมาอี้ต้องแกล้งป่วยเพื่อให้โจโฉวางใจ ถึงขั้นแกล้งยอมกินฉี่กินอึของตัวเองเพื่อแสดงว่า"บ้าจริง" จนโจโฉยอมเชื่อ แต่ก่อนตาย โจโฉก็ยังสั่งโจผี บุตรชายที่สืบทอดอำนาจว่า"อย่าให้สุมาอี้คุมทหาร"



           เมื่อโจโฉตาย ก็ถึงโอกาสที่สุมาอี้รอคอย...ไม่ว่าจะนานกี่ปี
           โจโฉตายในปี ค.ศ.220 "โจผี" บุตรชายคนโตขึ้นสืบทอดอำนาจต่อ และสถาปนาตัวเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์วุยฮั่น ชีวิตของ"สุมาอี้" ดูเหมือนจะดีขึ้น เพราะเขาสนิทสนมกับโจผี ในฐานะที่ปรึกษาคนสนิทมาก่อน จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะเสนาบดีที่คอยดูแลบ้านเมือง
           แต่โจผีครองราชย์ไม่ถึง 10 ปีก็สิ้นพระชนม์ "โจยอย" ก็สืบราชบัลลังค์ต่อ แต่เนื่องจากเป็นฮ่องเต้ที่ลุ่มหลงในสุราและนารี และปกครองบ้านเมืองแบบโหดเหี้ยม จนมีขุนนางและประชาชนเริ่มต่อต้านตระกูลโจ และเมื่อโจยอยประชวร ก่อนตายก็ได้ฝากฝัง"โจฮอง" บุตรชายอายุ 9 ขวบให้สุมาอี้ดูแล พร้อม"โจซอง" บุตรชายของ"โจจิ๋น" อดีตแม่ทัพใหญ่ พระญาติใกล้ชิดที่เหลืออยู่ให้คอยดูแลควบคู่กัน แต่"โจซอง" ระแวงว่า"สุมาอี้"จะทำการใหญ่ จึงลิดรอนอำนาจด้วยการเลื่อนยศเขาให้ไปเป็นราชครู ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงแต่ไร้อำนาจทางทหาร
           "สุมาอี้"รู้ตัว และ"ยอมรับ"พร้อมให้ลูกชาย 2 คนคือสุมาสูและสุมาเจียว ลาออกจากราชการฝ่ายทหารไปร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง และกลายเป็นขวัญใจประชาชน พร้อมซ่องสุมกำลังคนไว้อย่างลับๆโดย"โจซอง"ไม่รู้เรื่อง



อนุสาวรีย์สุมาอี้ที่เมือง ganzhou

           "สุมาอี้"รอคอยนานถึง 8 ปีจึงลงมือ !!!
           กระนั้นก็ตาม แม้จะถอนตัวจาก"วัง"ไปทำงานเป็น"ข้าราชการพลเรือน"นานถึง 8 ปี แต่ในปี ค.ศ. 249 โจซอง ก็ได้ส่งคนของตนไปตรวจสภาพของสุมาอี้ ซึ่งเจ้าตัวรู้ว่าคนของโจซองมาเยี่ยมที่บ้าน ก็แกล้งทำเป็นป่วยหนัก จนสามารถหลอกให้โจซองตายใจ และมั่นใจว่าหมดเสี้ยนหนาม โจซองจึงยกกองทัพออกไปล่าสัตว์นอกเมือง พร้อมทูลเชิญฮ่องเต้โจฮองไปด้วย
           เมื่อทราบเรื่อง สุมาอี้จึงสบช่อง ยกกองทัพของตนที่ซ่องสุมไว้ประมาณ 3 พันคนลงมือทันที โดยให้"กุยห้วย" แม่ทัพคนสนิทที่เคยนำทัพสู้กับขงเบ้งที่กิสาน นำกำลังพลเข้าควบคุมสถานที่สำคัญในเมืองหลวง โดยได้รับความร่วมมือจากนายทหารคนเก่าแก่ที่เคยร่วมงานกัน และเมื่อควบคุมจุดสำคัญในเมืองหลวงได้หมด สุมาอี้ก็นำกำลังไปดักพวกโจซองไว้ที่หน้าเมือง แล้วให้สุมาสูและสุมาเจียว บุตรชายเข้าไปอัญเชิญประกาศกล่าวโทษโจซองจากไทเฮาถึงในตำหนัก เพื่อความชอบธรรมในการลงมือครั้งนี้
           โจซองทราบเรื่อง เตรียมนำทัพเข้าสู้กับสุมาอี้ แต่สุมาอี้ส่งทูตเจรจาว่าต้องการยึดอำนาจการทหารคืนเท่านั้น หากโจซองยอมมอบตัวก็จะให้อยู่ต่อไปอย่างสุขสบาย แต่นั่นเป็นคำลวง เพราะสุมาอี้รู้ว่า หากจะตัดรากต้องถอนโคน จึงสั่งประหารญาติตระกูลโจ 7 ชั่วโคตร
           การยึดอำนาจครั้งนี้ ประชาชนไม่ได้ต่อต้านสุมาอี้ เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านถูกโจซองใช้อำนาจผ่านฮ่องเต้กดขี่ต่อประชาชน
           2 ปีต่อมา คือปี ค.ศ.251 สุมาอี้ก็ล้มป่วยและถึงแก่กรรมในวัย 72 ปี ก่อนที่สุมาเอี๋ยน หลานชายสุมาอี้ ได้ล้มล้างราชวงศ์วุยของตระกลโจ และขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์จิ้น นามว่า"พระเจ้าจิ้นหวู่ตี้" ในปี ค.ศ.265
           และแผ่นดินจีนที่แตกเป็นสามก๊ก ก็ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวในปี ค.ศ. 280 ในปกครองของฮ่องเต้จากตระกูล"สุมา"


http://www.oknation.net/blog/print.php?id=324452

3
น้ำท่วมใหญ่สมัยสามก๊ก

สมัยสามก๊กมีเรื่องราวของน้ำท่วมใหญ่ท่ามกลางการศึกสงครามหลายสิบครั้ง ขอยกครั้งสำคัญครั้งหนึ่งมาเล่าไว้ ณ ที่นี้

เมื่อครั้งกองซุนเอี๋ยน เจ้าเมืองเลียวตั๋ง ริคิดการใหญ่ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ ประกาศปลดแอกตัวเองจากราชวงศ์วุย พระเจ้าโจยอยได้ส่ง "สุมาอี้" เดินทางไกลไปปราบพยศ

สุมาอี้ใช้เวลาสามเดือน ยกทัพมาถึงอำเภอเลียวซุน ปากทางเข้าเมืองเซียงเป๋ง เมืองหลวงของเลียวตั๋ง "เอี้ยนอ๋อง" กองซุนเอี๋ยนได้ส่ง ปีเอี๋ยน กับ เอียวจอ สองแม่ทัพเอกมาตั้งค่ายสกัดขัดตาทัพไว้ โดยสั่งให้ตั้งรับหนักแน่น ห้ามยกทัพออกไปต่อกรกับยอดแม่ทัพฝ่ายวุยเป็นอันขาด

ฝ่ายสุมาอี้รู้ทัน จึงยกทัพอ้อมค่ายของฝ่ายเลียวตั๋งทำทีจะไปตีเมืองเซียงเป๋ง ทัพเลียวตั๋งตกใจ ถอนค่ายหมายจะกลับไปช่วย จึงโดนลอบโจมตีพ่ายยับเยิน ต้องหนีกลับเข้าเมืองแบบทุลักทุเลแทบเอาตัวไม่รอด

เจ้ากำมะลอกองซุนเอี๋ยนเห็นคนของตนเสียทีดังนั้น จึงดึงเอาธรรมชาติเป็นพวก สั่งปิดตายประตูเมือง ตั้งรับอย่างเดียว เล่นเกมยืดเยื้อ ด้วยรู้ว่าจะเข้าฤดูน้ำหลาก ไม่ช้าไม่นานทัพจากลกเอี๋ยงต้องหายไปกับสายน้ำ

และแล้วก็เป็นดังคาด พอถึงหน้าน้ำ ฝนเทลงมาไม่มีหยุด ทั้งวันทั้งคืน วันชนวัน สัปดาห์ชนสัปดาห์ ตกต่อเนื่องกันเป็นเวลาเดือนกว่าๆ ไม่มีว่างเว้น น้ำนั้นไหลแรงและเร็วลงมาจากเขา ท่วมถึงบั้นเอวทหารเข้าไปแล้ว ทัพสุมาอี้จะหุงหาอาหารก็ไม่ได้ จะนอนก็ไม่สะดวก กินอยู่ลำบากยิ่งนัก

ข่าวไปถึงหูพระเจ้าโจยอย ณ ลกเอี๋ยง ขุนนางต่างแนะนำให้เรียกตัวสุมาอี้กลับมาก่อน ไว้สบโอกาสค่อยยกทัพกลับไปเลียวตั๋งใหม่ แต่พระองค์รู้จักสุมาอี้ดี คนๆ นี้รู้ทางหนีทีไล่ สติปัญญาเหนือคน ไม่ช้าต้อง "เอาชนะน้ำ" ยึดเมืองได้แน่

ครั้นอุทกภัยถาโถม ปวยเกง แม่ทัพขวา ไปบอกสุมาอี้ ขอให้ย้ายค่ายจากประตูเมืองไปตั้งบนเขา ทว่าสุมาอี้โกรธ บอกว่าตีเมืองขบถจะแตกอยู่ในวันในพรุ่ง ขืนยกหนีน้ำไปจะมิเสียการใหญ่หรือ ว่าแล้วก็คาดโทษไว้ ใครมาพูดเรื่องย้ายค่ายหนีน้ำจักโดนตัดหัวทุกคน

วันรุ่งขึ้น ซือเหลียน แม่ทัพซ้ายยังไม่เข็ด นำความไปปรึกษาสุมาอี้เหมือนที่ปวยเกงเพิ่งพูดไปเมื่อวาน คราวนี้แม่ทัพจอมอึดโกรธจัด สั่งตัดหัวซือเหลียนเสียบประจานไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง โทษฐานทำลายขวัญทหาร ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกลัวน้ำ ห้ามย้ายค่ายไม่ได้ยินหรือ

จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องย้ายค่ายหนีน้ำท่วมอีก


ครั้นแล้ว สุมาอี้สั่งถอนทัพทางประตูเมืองฝั่งทิศใต้ของเมืองเซียงเป๋ง เพื่อล่อให้ทัพเลียวตั๋งหนีออกไป ตามกลศึก "ล้อมพึงเปิดช่อง" หนึ่งใน "36 ยอดกลยุทธ์จีน"

ถอนทัพได้ไม่นาน พอถึงเพ-ลา ฝนก็หยุดตก แม่ทัพแห่งวุยยินดียิ่ง ฟ้าเป็นใจ ทุกอย่างเข้าทางตามแผนเรา

สุมาอี้จึงสั่งทหารบุกข้ามกำแพง เข้าตีเมืองเซียงเป๋งทุกด้านพร้อมกัน ทหารในเมืองระดมกำลังกันต้านเต็มที่ ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แม้จะยังทะลวงเข้าเมืองไปไม่ได้ทันที แต่ก็ทำให้ไพร่พลเลียวตั๋งไม่มีแก่ใจจะสู้รบอีกต่อไปแล้ว

กองซุนเอี๋ยนเห็นหมดทางสู้ อยู่ต่อก็ตายแน่ จึงส่งคนออกไปขอสวามิภักดิ์กับสุมาอี้ โดยขอส่งลูกชายมาเป็นตัวประกันไว้ก่อน ทว่ายอดคนแซ่สุมาหายอมไม่ ด้วยรู้ทันว่ามิได้ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ จึงไล่ตะเพิดคนนำสารของเอี้ยนอ๋องเจ้ากำมะลอกลับไป

กองซุนเอี๋ยน และ กองซุนสิว สองพ่อลูก เห็นหมดทางไป จึงรอจนตกดึก แล้วให้กองทหารม้าเร็วนำทาง รุดออกจากเมืองไปทางประตูฝั่งทิศใต้ที่สุมาอี้จงใจเปิดช่อง ครั้นออกมาเห็นทางโล่ง ปลอดทหาร ก็ยิ่งดีใจ สั่งเร่งฝีเท้าสุดชีวิต หนีเอาตัวรอดให้ได้

ที่แท้สุมาอี้ขุดบ่อล่อไว้ ขืนไปดักตั้งแต่หน้าประตูเมืองมีหวังขบถหนีกลับเข้าเมืองแน่นอน จึงให้ เตียวฮอง กับ งักหลิม สองทหารเอก ซุ่มกำลังไว้กลางทางห่างออกมาหลายเส้น สุดท้ายฝ่ายวุยจึงจับตัวสองพ่อลูกแซ่กองซุนไว้ได้โดยละม่อม

สุมาอี้ประกาศ ยอมอะไรก็ยอมได้ แต่ยอมให้พวกกบฏ ยอมไม่ได้เป็นอันขาด จึงสั่งลงดาบ ตัดหัวกองซุนเอี๋ยนพร้อมลูกชาย โทษฐานคิดคดทรยศ ไม่เลี้ยงไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป แล้วเอาหัวกลับไปถวายพระเจ้าโจยอย ณ เมืองลกเอี๋ยง

น้ำท่วมน้ำหลาก มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ แต่ท่วมหนักอย่างไร สักวันก็ต้องหยุด คนจะทำศึกสงครามหรือทำการใดๆ พึงรู้จักน้ำ ต้องรู้ว่าน้ำจะมาเมื่อไร จะหยุดเมื่อไร รู้จักดึงธรรมชาติมาเป็นพวกตน จึงมีชัยชนะทุกแห่งหน

http://cheechud.blogspot.com/2011/10/blog-post_14.html

โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช สุดยอดแฟนพันธุ์แท้สามก๊ก และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้แห่งปี 2008

4
 :25: :25: :25:

คืนหมาหอน หมายถึง คืนสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง มีความสำคัญในแง่ว่าเป็นคืนที่จะมีการทุจริตการเลือกตั้งสูงมาก โดยเฉพาะการตระเวนตามบ้านเรือนทุกหลังคาเรือนเพื่อซื้อเสียงครั้งสุดท้าย อันเป็นการจ่ายเงินที่หวังผลกำไรสูงมาก เพราะหากประเมินแล้วว่าคะแนนตนยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือเสียงที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ถูกซื้อไปด้วยเงินที่สูงกว่า ก็จะต้องรีบซื้อเสียงหรือแจกเงินเพิ่ม นับว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกสถานการณ์ เป็นการวัดดวงหรือทิ้งทวนครั้งสุดท้ายก็ว่าได้ นอกจากนี้ การแจกเงินซื้อเสียงที่จะมีอิทธิพลต่อผู้ไปลงคะแนนนั้น หากทำในวันใกล้เลือกตั้งมากที่สุดก็อาจช่วยให้เป็นที่จดจำได้ง่ายด้วย

เนื่องจากปฏิบัติการดังกล่าวกระทำในเวลากลางคืนด้วยลักษณะหลบ ๆ ซ่อน ๆ และมีพิรุธ สุนัขเฝ้าบ้านจึงพากันเห่าหอนเกรียวกราว คืนนั้นจึงเรียก "คืนหมาหอน"

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%99

5
เล่มที่ ๓๕ ชื่อวิภังค์ ( เป็นอภิธัมมปิฎก )

   พระไตรปิฎกเล่มนี้ ว่าด้วยการแจก ( วิภังค์ ) คือแยกจากกลุ่มธรรมะต่าง ๆ ให้เห็นรายละเอียด เช่น คำว่า ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ จำแนกรายละเอียดออกไปอย่างไรบ้าง.

   การแยกกลุ่มหรืออธิบายแจกรายละเอียดของธรรมะต่าง ๆ ออกไปในเล่มที่ ๓๕ นี้ มี ๑๘ หมวด คือ

    ๑. ขันธวิภังค์ แจกขันธ์ ๕

    ๒. อายตนวิภังค์ แจกอายตนะ ๑๒

    ๓. ธาตุวิภังค์ แจกธาตุ ๖ และธาตุ ๑๘

    ๔. สัจจวิภังค์ แจกอริยสัจจ์ ๔

    ๕. อินทริยวิภังค์ แจกอินทรีย์ ๒๒

    ๖. ปัจจยาการวิภังค์ แจกปัจจยาการ ๑๒ ที่เรียกว่าปฏิจจสมุปบาท

    ๗. สติปัฏฐานวิภังค์ แจกสติปัฏฐาน ๔

    ๘. สัมมัปปธานวิภังค์ แจกสัมมัปปธาน ( เพียรชอบ ) ๔

    ๙. อิทธิปาทวิภังค์ แจกอืทธิบาท ๔

    ๑๐. โพชฌังควิภังค์ แจกโพชฌงค์ ๗

    ๑๑. มัคควิภังค์ แจกมรรคมีองค์ ๘

    ๑๒. ฌานวิภังค์ แจกฌาน ( การเพ่งอารมณ์ ) ทั้งรูปฌานและอรูปฌาน

    ๑๓. อัปปมัญญาวิภังค์ แจกอัปปมัญญา ๔ ( พรหมวิหาร ๔ ที่แผ่ไปโดยไม่ กำหนดประมาณ )

    ๑๔. สิกขาปทวิภังค์ แจกสิกขาบท ๕ คือศีล ๕

    ๑๕. ปฏิสัมภิทาวิภังค์ แจกปฏิสัมภิทา ( ความแตกฉาน ) ๔

    ๑๖. ญาณวิภังค์ แจกญาณ ( ความรู้ ) ตั้งแต่หมวด ๑ ถึงหมวด ๑๐

    ๑๗. ขุททกวัตถุวิภังค์ แจกเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่หมวดที่ ๑ ถึงหมวดที่ ๑๘ และทิฏฐิ ๖๒

    ๑๘. ธัมมหทยวิภังค์ แจกหัวใจหรือหัวข้อธรรม

   ในการแจกธรรมะทั้งสิบแปดหัวข้อเหล่านี้ โดยมากได้ตั้งเป็น ๓ ภาค คือเป็นหัวข้อฝ่ายพระสูตร ( สุตตันต- ภาชนียะ ), หัวข้อฝ่ายพระอภิธรรม ( อภิธัมมภาชนียะ ) และหมวดถามตอบปัญหา ( ปัญหาปุจฉกะ ) เป็นการแยกอธิบายให้เห็น ว่า ศัพท์ธรรมะนั้น ๆอธิบายตามแนวพระสูตรอย่างไร ตามแนวพระอภิธรรมอย่างไร มีพิเศษออกไป คือข้อ ๕ และข้อ ๑๔ ไม่มี หัวข้อฝ่ายพระสูตร และข้อ ๑๖, ๑๗, และ ๑๘ ไม่ตั้งเป็นหัวข้อฝ่ายพระสูตร ฝ่ายพระอภิธรรม หากตั้งตามหมวดที่ ๑ ที่ ๒ เป็นต้น.

6
เรื่องภิกษุแจกของที่ไม่ควรแจก
             [๒๙๒] สมัยนั้น ภิกษุเจ้าถิ่นในอาวาสใกล้บ้านแห่งหนึ่งไม่ห่างจาก
พระนครสาวัตถี เป็นผู้จัดเสนาสนะแก่ภิกษุอาคันตุกะและภิกษุผู้เตรียมเดินทางย่อม
ลำบาก ภิกษุเหล่านั้นจึงปรึกษากันว่าท่านทั้งหลาย บัดนี้พวกเรา จัดเสนาสนะ
แก่ภิกษุอาคันตุกะและภิกษุผู้เตรียมเดินทาง ย่อมลำบาก เราตกลงจะมอบเสนาสนะ
ของสงฆ์ทั้งหมดแก่ภิกษุรูปหนึ่ง เราจักใช้สอยเสนาสนะของเธอ ภิกษุเหล่านั้นได้
มอบหมายเสนาสนะของสงฆ์ทุกๆ อย่าง แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุอาคันตุกะได้กล่าว
คำนี้กะภิกษุเจ้าถิ่นเหล่านั้นว่า ท่านทั้งหลาย โปรดจัดเสนาสนะให้พวกผม ภิกษุเจ้าถิ่น
ตอบว่า เสนาสนะของสงฆ์ไม่มี ขอรับ พวกผมมอบแก่ภิกษุรูปหนึ่งหมดแล้ว
             ท่านอาคันตุกะ ก็พวกท่านแจกจ่ายเสนาสนะของสงฆ์หรือ ขอรับ
             เจ้าถิ่น เป็นเช่นนั้น ขอรับ
             บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุ
จึงได้แจกจ่ายเสนาสนะของสงฆ์เล่า จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
             พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าพวกภิกษุแจก
จ่ายเสนาสนะของสงฆ์ จริงหรือ
             ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
ของที่ไม่ควรแจก ๕ หมวด
             พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนโมฆบุรุษ
เหล่านั้น จึงแจกจ่ายเสนาสนะของสงฆ์เล่า การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น
ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา
รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ของที่ไม่ควรแจกจ่าย ๕ หมวดนี้อันภิกษุ
ไม่ควรแจกจ่ายให้ไป แม้สงฆ์คณะหรือบุคคล แจกจ่ายไปแล้วก็ไม่เป็นอันแจกจ่าย
รูปใดแจกจ่าย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
             ของไม่ควรแจกจ่าย ๕ หมวด อะไรบ้าง คืออาราม พื้นที่อาราม นี้เป็นของ
ที่ไม่ควรแจกจ่ายหมวดที่ ๑ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควรแจกจ่ายให้ไป แม้
แจกจ่ายไปแล้ว ก็ไม่เป็นอันแจกจ่าย รูปใดแจกจ่าย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
             วิหาร พื้นที่วิหาร นี้เป็นของที่ไม่ควรแจกจ่ายหมวดที่ ๒ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี
บุคคลก็ดี ไม่ควรแจกจ่ายให้ไป แม้แจกจ่ายไปแล้ว ก็ไม่เป็นอันแจกจ่าย รูปใด
แจกจ่าย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
             เตียง ตั่ง ฟูก หมอน นี้เป็นของที่ไม่ควรแจกจ่ายหมวดที่ ๓ สงฆ์ก็ดี คณะ
ก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควรแจกจ่ายให้ไป แม้แจกจ่ายไปแล้ว ก็ไม่เป็นอันแจกจ่าย รูปใด
แจกจ่าย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
             หม้อโลหะ อ่างโลหะ กระถางโลหะ กระทะโลหะ มีด ขวาน ผึ่ง จอบ สว่าน
นี้เป็นของที่ไม่ควรแจกจ่าย หมวดที่ ๔ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควรแจกจ่าย
ให้ไป แม้แจกจ่ายไปแล้ว ก็ไม่เป็นอันแจกจ่าย รูปใดแจกจ่าย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
             เถาวัลย์ ไม้ไผ่ หญ้าปล้อง หญ้ามุงกระต่าย หญ้าสามัญ ดิน เครื่องไม้
เครื่องดิน นี้เป็นของที่ไม่ควรแจกจ่าย หมวดที่ ๕ สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี บุคคลก็ดี ไม่ควร
แจกจ่ายให้ไป แม้แจกจ่ายไปแล้ว ก็ไม่เป็นอันแจกจ่าย รูปใดแจกจ่าย ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ของที่ไม่ควรแจกจ่ายมี ๕ หมวดนี้แล สงฆ์ก็ดี คณะก็ดี
บุคคลก็ดี ไม่ควรแจกจ่ายให้ไป แม้แจกจ่ายไปแล้ว ก็ไม่เป็นอันแจกจ่าย รูปใด
แจกจ่าย ต้องอาบัติถุลลัจจัย

  เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๗  บรรทัดที่ ๒๕๓๗ - ๒๕๗๘.  หน้าที่  ๑๐๕ - ๑๐๗.
 http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=7&A=2537&Z=2578&pagebreak=0

7
'ศปภ.'ยันน้ำไม่ท่วมกทม.แน่นอน
'ศปภ.'ยันน้ำไม่ท่วมกทม.แน่นอน วอนเอกชนช่วยบริจาคเครื่องสูบน้ำ 20-30 เครื่อง ด้านกปน.ยันผลิตน้ำประปาได้ตามปกติ

      นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือศปภ. แถลงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำ และแสดงความเป็นห่วงประชาชนเกี่ยวกับประตูน้ำจุฬาลงกรณ์และแนวทางแก้ไขของศปภ. พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้น้ำในคลองเปรมประชากรเรายังสามารถควบคุมได้ และวันนี้ทาง ศปภ.จะเร่งดำเนินการระบายน้ำตลอดทั้งวัน โดย พลเอกประชา พรมนอก จะเป็นคนสั่งการและขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ให้ช่วยกันเร่งระบายน้ำด้วย

      นายประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. กล่าวว่า การดำเนินการระบายน้ำที่ล้นเข้าคลองประปานั้น การประปานครหลวง ได้นำผู้เชี่ยวชาญดำเนินการปิดช่องประตูระบายน้ำไซฟ่อนที่บริเวณคลองรังสิต ซึ่งได้ดำเนินการ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนประตูน้ำจุฬาฯยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยจะให้นายธีระ วงศ์สมุทร เป็นผู้ควบคุมต่อไป

       สำหรับการแก้ปัญหาในคลองประปานั้น ได้มีการควบคุมประตูไซฟ่อนที่คลองรังสิตได้แล้ว โดยประตูที่ 6 คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จได้วันนี้ หรืออย่างช้าก็พรุ่งนี้ เพราะการปิดประตูน้ำนั้นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับการแก้ไขปัญหาของกปน. จึงขอความร่วมมือไปยังกทม. ให้เร่งระบายน้ำที่เอ่อล้นที่หลักสี่ ดอนเมือง รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าฯจังหวัดนนทบุรี ให้เร่งระบายน้ำออกให้เร็วที่สุดเช่นกัน

       อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทางศปภ. และกทม. จึงได้ให้มีการจัดตั้งศูนย์ ศปภ.ส่วนหน้าที่กทม. โดยมีนายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ควบคุมดูแล นอกจากนี้ ทางศปภ. อยากขอความร่วมมือไปยังเอกชน ที่มีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ให้ช่วยบริจาคเครื่องสูบน้ำเพื่อที่ศปภ. จะนำมาติดตั้งและเร่งระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันออก จำนวน 20 - 30 เครื่อง โดยสามารถติดต่อได้ที่ผู้ว่าฯหวัดปราจีนบุรี 0892030397 หรือเลขานุการผู้ว่าฯ 0818436736 และเลขานุการผู้ว่าฯสมุทปราการ 0892030483

       "ศปภ.ยืนยันว่ายังสามารถควบคุมน้ำได้ และน้ำจะไม่เข้ากทม.อย่างแน่นอน " พลเอกประชา กล่าว

       นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กล่าวถึง การปล่อยน้ำจากเขื่อนต่างๆว่า ทั้งเขื่อนภูมิพล ขณะนี้มีระดับน้ำอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำไหลเข้าวันละ 65ลบ.ม..ต่อวัน และมีระบายออกวันละ 60 ลบ.ม.ต่อวัน ส่วนเขื่อนสิริกิตต์ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน และมีปริมาณน้ำไหลเข้าประมาณวันละ 25 ลบ.ม.ต่อวัน และระบายออกวันละ 11 ลบ.ม.ต่อวัน ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีระดับน้ำอยู่ที่ 136 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีระดับน้ำไหลเข้าเขื่อน 33 ลบ.ม.ต่อวัน และมีการระบาย ออกวันละ 30 ลบ.ม.ต่อวัน ขณะที่น้ำบริเวณแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านบริเวณจังหวัดนครนสรรค์มีระดับน้ำอยู่ที่ 4,272 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำได้ลงลงเรื่อยๆแล้ว ทั้งนี้ยังพบว่าเมื่อคืนวันที่ 20  ได้มีการรื้อคันกันน้ำจึงทำให้น้ำที่ตลาดและคลองรัตเป็นเนื้อเดียวกัน  ส่วนบริเวณประตุน้ำจุฬาฯควบคุมได้ โดยน้ำที่อยู่ในด้านในประตูจุฬาฯสูงอยู่ที่ 3.2 เมตร ซึ่งต่ำกว่าคั้นกั้นน้ำ ส่วนน้ำบริเวณด้านเจ้าพระยาอยู่ที่ 3.93 เมตรซึ่งต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำเช่นเดียวกัน ขณะที่ตอนนี้ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำเรียบร้อยแล้ว ส่วนทางตะวันตกได้สูบน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่ม ส่วนทางตะวันอกก็ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและสูบน้ำออกไปยังแม่น้ำนครนายกแล้ว

       อย่างไรก็ดี เหตุที่เขื่อนยังต้องระบายน้ำอยู่ เนื่องจากตามรายงานแต่ละเขื่อน ตัวอย่างเช่นเขื่อน ภูมิพลมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 5,600 ลบ.ม. แต่ปีนี้มีน้ำถึง 11,000 ลบ.ม.ซึ่งมากกว่าปกติถึงสองเท่า ดังนั้นเขื่อนจึงต้องมีการระบายน้ำเพื่อปรับลดออกมา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลกระทบบ้าง

       “เรายืนยันว่าประตูน้ำจุฬาฯ ยังมีความมั่นคงดี และสามารถจัดการควบคุมได้ ” นายธีระ กล่าว

        สำหรับ น้ำที่บริเวณคลองเปรมประชากร น้ำส่วนที่อยู่ด้านเหนือก็จะมีประตูน้ำปิดกั้นน้ำอยู่ ซึ่งจะควบคุมน้ำและมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ที่จะคอยระบายน้ำออก ส่วนคลองเปรมประชาด้านใต้ ที่จะควบคุมน้ำตั้งแต่คลองรังสิตที่จะเข้ามายังกทม. ก็ยังไม่มีการรับน้ำที่จะเข้ามาในกทม.แต่อย่างใด

       นายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการประปานครหลวง กล่าวว่า ขณะนี้ทางกปน. ได้ควบคุมระน้ำที่ไหลเข้าคลองประปาได้แล้ว 90 % แต่การดำเนินการอาจมีปัญหาบ้างในบางส่วนในการควบคุม และปิดประตูน้ำไซฟ่อนซึ่งอยู่เป็นท่อที่อยู่ได้คลองรังสิต ซึ่งประตูไซฟ่อนจะมีอยู่ 7 ช่อง โดยที่ผ่านมาเราได้ปิดประตูที่ 1 - 5 แล้ว 100 % แต่คงเหลือประตูที่ที่กำลังดำเนินการและคาดว่าจะปิดได้ในช่วงเวลา 20.00 น. ของวันนี้

       ทั้งนี้ หลังจากที่มีการปิดประตูระบายน้ำแล้ว ทำให้ระดับน้ำในคลองประปาลดลงไป 4 ซม. โดยเทียบกันตั้งแต่เมื่อเวลา 6 โมงเช้ากับตี 1 ขณะที่น้ำที่มีการเอ่อล้นก็จะเร่งระบายออกสู่คลองบางซื่อ บางเขน และสามเสน

       อย่างไรก็ดี สำหรับคุณภาพน้ำประปา ยังยืนยันว่า กปน. ยังสามารถผลิตน้ำได้ตามปกติและคุณภาพก็อยู่ในเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก แต่น้ำที่ผลิตอาจจะมีสีเหลืองเพิ่มขึ้นบ้าง ซึ่งกปน.ก็ใช้สารพิเศษแก้ปัญหาอยู่ รวมถึงใช้ผงถ่านกัมมันต์ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องกลิ่น

http://www.komchadluek.net/detail/20111022/112583/%E0%B8%A8%E0%B8%9B%E0%B8%A0.%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99.html

9
สวนานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
ย่อมไปเพื่อฟังเสียงกลองบ้าง เสียงพิณบ้าง เสียงเพลงขับบ้าง หรือเสียงสูงๆ
ต่ำๆ ย่อมไปเพื่อฟังธรรมของสมณะ หรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การฟังนี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการฟังนี้นั้นเป็นกิจ
เลว .

 :24: :24: :24:

10
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:18 PM]: กิกิ ต๊ะติ้งโหน่งสุดอัจริยะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:18 PM]: แก้ปัญหาน้ำท่วมระดับชาติ ด้วยสมการง่ายๆๆๆ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:18 PM]: ข้อสอบนี้ ได้คะแนนเต็ม กิกิ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:19 PM]: http://www.tairomdham.net/inde...msg26681 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:20 PM]: นายกปูจะเอาไปใช้ น้องต๊ะไม่สงวนลิขสิทธิ์อ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:20 PM]: อาจารย์ยังคิดไม่ออกเลยอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:21 PM]: หลอกมาออกจ้อสอบถามน้องต๊ะนี่เอง กิกิ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:22 PM]: ครูอาจารย์ทั้งมหาลัย ตกใจตาแหก เพราะคิดสมการง่ายๆไม่ออก อ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:22 PM]: แต่น้องต๊ะคิดออกคนเดียว 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:22 PM]: สุดยอดอัจริยะ กิกิ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:22 PM]: ^^ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:23 PM]: สวัสดีครับอ่าจารย์บัว 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:23 PM]: เก่งมากที่คิดได้ค่ะ แต่ว่า...พิมพ์คำว่าอัจฉริยะผิดนี่คะ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:23 PM]: ^__^ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:24 PM]: แหม...ความเก่งเลยลดลงเหลือครึ่งเดียวเลย 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:24 PM]: แก้ให้ต๊ะด้วยแระกันครับ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:24 PM]: ไม่เอาอ่ะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:24 PM]: นั่นทำให้อาจารย์บัวเก่งภาษาไทยขี้นไงครับ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:24 PM]: ใครทำผิดก็ต้องแก้ไขเองค่ะ ^__^ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:25 PM]: ไม่สนหรอก รู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดอ่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:25 PM]: คงจะจริง 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:25 PM]: ^_^ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:25 PM]: อัจริยะของน้งต๊ะ ทำไมอ่าจารย์บัวรู้ความหมายได้ไงอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:25 PM]: เมื่อความหมายที่เข้าใจ มันเป็นอันเดียวกัน 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:26 PM]: ตัวหนังสือเลยไม่มีความสำคัญอ่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:26 PM]: อ่อ..ค่ะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:26 PM]: แม้น้องต๊ะจะเขียนไม่ถูก แต่อาจารย์บัว เข้าใจความหมายได้ตรงนี่ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:27 PM]: รู้ความหมายของคำนี้ได้จากบริบทว่าต้องการจะพิมพ์คำว่าอะไร ก็เดาสุ่มๆเอา 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:27 PM]: ก็แสดงว่าน้องต๊ะสื่อได้ถูกต้องแย้วอ่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:27 PM]: ไม่ได้แปลว่าคำที่พิมพ์ผิดกับคำที่ถูกเป็นคำเดียวกันค่ะ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:27 PM]: ^_^ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:27 PM]: ถ้าสื่อไม่ถูก อาจารย์บัวก็เข้าใจไม่ถูกหรอกอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:28 PM]: นี่เป็นอัจริยะในการสื่อ ของน้องต๊ะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:28 PM]: ไม่พี่งรูปแบบ ไม่พี่งวิธีการ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:28 PM]: กิกิ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:28 PM]: ค่ะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:28 PM]: ว่าแต่ อาจารย์บัวคิดได้ป่าวอ่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:29 PM]: คิดเรื่องอะไรคะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:29 PM]: สมการง่ายๆแค่นี้ ก็แก้ปัญหาได้อ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:29 PM]: ปล่อยให้ท่วมไปได้หลายเดีอน 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:29 PM]: ไม่ได้เรื่องเลยอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:30 PM]: อัจริยะสู้ต๊ะไม่ได้ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:31 PM]: ต๊ะเป็นประชาชนที่ฉลาดที่อยู่ใต้การปกครองของคนโง่ ก็ต้องรับสภาพแบบนี้ล่ะคะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:31 PM]: เลือกน้องต๊ะเป็นนายกแทนดีก่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:31 PM]: นั่นสิเนอะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:31 PM]: ป่าวน้องต๊ะไม่ได้อยู่ไต้ปกครองของใครอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:32 PM]: คนเหล่านั้น มาบริหารเพราะกรรม 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:32 PM]: ถึงจะคิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ใต้การปกครองของใครแต่ก็ต้องได้รับจากการกระทำของพวกที่ปกครองเหล่านั้นอยู่ดี 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:32 PM]: บริหารเสร็จ ตายแล้วไปนรก 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:32 PM]: น้ำไม่ท่วมบ้านเหรอคะ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:32 PM]: ขับรถก็ต้องเดิมน้ำมันใช่ไหมคะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:33 PM]: ย้านน้องต๊ะอยู่สูงกว่าอกนิษฐาพรหม น้ำไม่ท่วมหรอกครับ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:33 PM]: ซื้อของก็ราคมแพงขึ้นใช่ไหมคะ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:33 PM]: ไม่มีใครปกครองแต่รับผลไปเต็มๆ เอะ..มันยังไงน้าาา 5555 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:33 PM]: ข้าวของไม่แพงหรอก 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:34 PM]: คนเหล่านั้น คิดว่าตนเองเป็นผู้ปกครอง 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:34 PM]: แต่ความจริง คนเหล่านั่น สัตคว์เหล่านั้น เป็นไปตามกรรมตนเอง อ่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:34 PM]: ค่ะ เหมือนกับที่ต๊ะคิดว่าตัวเองไม่ได้ถูกปกครองใช่ไหมคะ 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:34 PM]: ^^ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:34 PM]: ไม่มีใครปกครองต๊ะได้หรอกครับ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:35 PM]: เพราะเหนือสภาวะบังคับบัญชาใคร 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:35 PM]: ถ้าคิดว่าเป็นผู้ปกครองต๊ะ คนเหล่านั้น โง่บัลลัยเลยครับ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:36 PM]: ต๊ะไม่มีใครปกครองได้ ไม่ได้เพราะคิดด้วย 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:37 PM]: แต่ด้วยสภาวะธรรม อันไม่มีใครบังคับบัญชาได้อ่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:38 PM]: ค่ะ ^__^ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:38 PM]: ใครแน่จริ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:38 PM]: ใครแน่จริงก็ทำความบังคับบัญชาให้ได้ก่อน 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:38 PM]: ^__^ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:39 PM]: พระพุทธเจ้ายังบังคับบัญชาอะไรไม่ได้ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:39 PM]: มาสั่งให้คนบรรลุธรรมก็ไม่ได้อ่า 
ดอกโศก [23|ต.ค. 03:39 PM]: ค่ะ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:40 PM]: งั้นสรุปว่า ใครคิดว่าจะเป็นปู้บังคับบัญชาน้องต๊ะได้ คนนั้นบรมปทะปรมะเลย 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:40 PM]: แปลว่า โง่บีนลัยอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:41 PM]: ใครคิดว่าเป็นผู้ปกครอง คนนั้น ยิ่งกว่าบัวไต้น้ำอีกอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:41 PM]: บ้านน้องต๊ะ จึงสูงกว่าอกนิษฐาพรหม น้ำท่วมไม่ถึงอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:42 PM]: กิกิ 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:43 PM]: พรหมโลกยังวอดวายเพราะน้ำ แต่อกนิษฐาพรหม น้ำท่วมไม่ถึงอ่า 
ต๊ะติ้งโหน่ง [23|ต.ค. 03:44 PM]: แล้วบ้านอาจารย์บัวน้ำท่วมป่าวครับ

หน้า: [1] 2 3