พรรณาอักษร / มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 03:59:26 pm »
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
ภายในห้องอันเงียบสงบหน้าโต๊ะหมู่บูชาที่มีพระพุทธปฏิมากรองค์ขนาดเขื่องประดิษฐานอยู่ตรงกลาง พักตร์แห่งองค์พระพุทธาฉายรัศมีแห่งความสุขสงบและอิ่มเอิบด้วยความร่มเย็นที่ราวกับจะแผ่ซ่านปกคลุมอยู่โดยรอบอาณาบริเวณ กลิ่นดอกมะลิอันเป็นพุทธบูชาหอมอบอวลพาให้ชื่นนาสายิ่งนัก
เบื้องหน้าถัดออกมาไม่ไกลนักชายชราร่างหนึ่งนั่งสงบนิ่ง ผมสีดอกเลาแห่งปัจฉิมวัยและเครื่องนุ่งห่มอันเป็นสีบริสุทธิ์ขาวโพลนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ ท่านั่งในลักษณะหลังตรงมือทั้งสองประสานกันอยู่บนตักนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในกิริยานั้นเป็นเวลาเนิ่นนานราวกับมิรู้เมื่อยขบ ดูช่างตรงกันข้ามกับวัยเสียยิ่ง
คุณพฤกษ์หรือคุณตาผู้เป็นประมุขของบ้าน “พร้อมพงศ์” ผู้อยู่ในวัยชราอายุเกือบเก้าสิบปีแล้ว แต่สภาพสังขารของท่านมิได้บอกถึงวัยเลยแม้แต่น้อย ผู้ที่มิได้ใกล้ชิดอาจนึกว่าคุณตาอายุเพียงแค่เจ็ดสิบเศษเป็นอย่างมากมิใช่เกือบเก้าสิบดั่งที่เป็นจริง สุขภาพพลานามัยแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใสซับสีเลือดฝาด กระฉับกระเฉง เดินเหินในอาการหลังตรงเป็นสง่า เค้าหน้าที่ยังคมคายส่อเค้าให้เห็นถึงความเป็นบุรุษรูปงามอย่างหาตัวจับยากในอดีต
ณ วันนี้สตรีผู้ที่อยู่เคียงข้างคุณตามาตั้งแต่ในวัยหนุ่มได้จากท่านไปเมื่อสิบปีที่แล้ว มีธิดาคนเดียวคือพลอยแสง พลอยแสงเรียนจบด้านการบริหารแล้วเข้าทำงานในฝ่ายบริหารของ “โรงพยาบาลพร้อมบริบาล” ที่คุณตาเป็นเจ้าของรวมทั้งเป็นนายแพทย์ผู้อำนวยการด้วย พลอยแสงแต่งงานกับลูกชายนักธุรกิจที่มีกิจการค้าในระดับแถวหน้าของเมืองไทย ในหลายปีต่อมาก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายคือศีลวัตร ชีวิตของคุณพฤกษ์นับได้ว่าประสบความสำเร็จแทบทุกด้าน ตัวคุณพฤกษ์เองเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านอายุเวช และตลอดหลายชั่วอายุคนในตระกูลล้วนอยู่ในวงการแพทย์มาตลอด
คุณสันติสามีของพลอยแสงมาจากตระกูลที่ฐานะไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า ครอบครัวคุณสันติผู้เป็นลูกเขยนั้นเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศ เรียกได้ว่าพลอยแสงประสบความสุขในชีวิตแทบทุกด้านทีเดียว
แต่อนิจจา.....ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง ! สมดั่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ยิ่งนัก
เมื่อศีลวัตรอายุได้เพียงสามขวบพลอยแสงและสันติก็มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทิ้งเด็กน้อยศีลวัตรเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและอาลัยไว้ให้คุณพฤกษ์และคุณเกื้อบุญผู้เป็นภรรยา ความรักที่มีในบุตรสาวคนเดียวเช่นพลอยแสงมากมายเพียงใดความรักนั้นก็ได้ถูกถ่ายเทมาสู่ศีลวัตรอย่างทับทวี ทั้งคุณพฤกษ์และคุณเกื้อบุญทุ่มเทเอาใจใส่ดูแลศีลวัตรเป็นอย่างดี รวมทั้งครอบครัวทางคุณสันติที่ต่างก็รักใคร่เอ็นดูหลานชายคนเดียวนี้ก็เช่นกัน และเนื่องจากคุณณสันติมิใช่ลูกชายคนเดียวของตระกูลหากยังมีบุตรธิดาอีกหลายคนต่างจากคุณพฤกษ์และคุณเกื้อบุญ ทางคุณปู่และคุณย่าของเด็กชายศีลวัตรจึงยินยอมที่จะให้หลานเติบโตขึ้นมาในความคุ้มครองดูแลของตาและยายเพื่อทดแทนการที่สูญเสียลูกสาวคนเดียวไปไม่เหลือใครอีกแล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้นเด็กชายศีลวัตรก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นท่ามกลางความรักของทั้งสองครอบครัว เป็นคนที่มีสองบ้าน ศีลวัตรในวันนี้จึงพรั่งพร้อมในความรักและความอบอุ่นมีความมั่นคงทางใจอันได้รับการอบรมจากคุณตาและคุณยายที่นำคำสอนของพระบรมศาสดาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ศีลวัตรต้องจากคุณตาคุณยายเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศหลังจากจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์ในประเทศแล้ว แน่นอนว่าคุณตาและคุณยายนั้นไม่มีวันเสียล่ะที่จะทนคิดถึงหลานได้นาน ในแต่ละปีการศึกษาไม่คุณตาก็คุณยายล่ะที่จะต้องผลัดกันแวะเวียนไปหาหลานอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด จนหลานรักเรียนจบครบหลักสูตรและกลับมาทำงานในโรงพยายาบาลพร้อมอภิบาลของผู้เป็นตา
ศีลวัตรหรือ “หมอศีล” ของทุกคนไม่ว่าจะคนไข้หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เป็นหมอรูปงาม อัธยาศรัยดี เป็นที่รักใคร่ของทุกคนโดยเฉพาะคนไข้ตัวเล็กตัวน้อย เด็กๆจะเรียกพี่หมอมากกว่าจะเรียกคุณหมอหรือหมอศีล เพราะพี่หมอจะมีวิธีหลอกล่อเด็กๆที่เมื่อแรกเข้ามารักษามักจะงอแงหรือกลัวเข็มฉีดยากันทั้งนั้น บางที่จะมีนิทานมาเล่าให้เด็กฟังด้วย ทุกครั้งที่พี่หมอมาเยี่ยมที่แผนกนี้เด็กๆพากันมามะรุมมะตุ้ม พันแข้งพันขาพี่หมอดูวุ่นวายไม่น้อย แต่พี่หมอคนใจดีใจเย็นไม่เห็นว่าจะทำท่ารำคาญให้เห็นสักทีอาจเป็นเพราะพี่หมอเป็นคนรักเด็กกระมัง
คุณพฤกษ์อยู่ในสมาธิที่จิตดิ่งลึกอันเป็นวัตรปฏิบัติที่ดำเนินมาตั้งแต่ก่อนปลดระวางตัวเองจากงานทุกด้าน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหลานชายและคนใกล้ชิดที่เป็นลูกจ้างที่ซื่อสัตย์มาแต่ครั้งสมัยพ่อสู่ลูก
